ข่าวกรีซ - ผลกระทบของระบบประชาธิปไตยที่ "ไม่เหมาะสม" (รัชนาผ้าม่าน ศรีราชา)
วันนี้ขอออกประเด็นเรื่องเกี่ยวกับผ้าม่านบ้างครับ
ข่าวช่วงนี้ ถ้าใครที่เล่นหุ้นหรือติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่ ก็คงจะได้เห็นภาพจาก viral นึง ที่เป็นภาพชายชราแต่งตัวดีคนนึง ทรุดตัวนั่งพิงกำแพงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและสิ้นหวัง
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่ชาวกรีซบางคน ไปถอนเงินกองทุนเกษียณ แล้วธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่มีเงินให้ถอนหรือที่แย่กว่านั้นคือ "ไม่มีเงินให้" เลยแม้แต่น้อย
กรีซกำลังจะถูกปรับให้หลุดออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโร
ผลที่ตามมาก็เห็นจะเป็นเรื่องการถูกตัดออกจากการช่วยเหลือทางด้านการเงินและเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง รวมไปถึง การไม่อนุญาตให้ใช้สกุลเงินยูโร ที่เป็นสกุลสากลอีกต่อไป
ซึ่งถ้าถามหาสาเหตุของเรื่องนี้
เท่าที่ผมได้ศึกษามา ก็เห็นจะหนีไม่พ้นอยู่เรื่องเดียวแหละครับ
คือ
ความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาล
เท่าที่รู้มาคือ กรีซนั้น เพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้กับพนักงานในประเทศเสียเยอะเกินกว่าที่ตนเองจะจ่ายไหว จนเป็นหนี้ท่วมหัว และไม่สามารถใช้เงินคืนให้กับ IMF ได้
พูดง่ายๆคือ "สบายก่อน ค่อย ลำบากทีหลัง"
ประชาชนเคยชินกับการได้รับสวัสดิการที่ดีแล้ว สุดยอดแล้ว ซ้ำๆไปเรื่อยๆ มีแต่ดี ดี ดี มาตลอด
ส่วนหนึ่งเพราะนโยบายประชานิยมที่ทางรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง ให้ประชาชนกลับมาเลือกพรรคตัวเองอีกรอบ และอีกรอบ
ซึ่งกระทำไปโดยไม่ได้สนใจเลยว่า ประเทศจะอยู่กันอย่างไร ไม่สน ขอพรรคฉันชนะเลือกตั้งเป็นพอ
พอถึงเวลาตรวจสอบบัญชี ก็ปกปิดไว้ ตกแต่งบัญชีให้ดูดีเกินจริง ต่างๆนานาไป
ถึงตอนนี้ IMF ต้องการเงินคืน ก็ไม่มีให้เขา (จริงๆก่อนนี้ สหภาพยุโรปก็ให้กู้ไปก่อนแล้วรอบหนึ่ง ก็เบี้ยวเขาอีก)
ถามหน่อยครับ ว่า มันต่างอะไรกับคนบางคนในประเทศเรา ที่ ได้เงินมา 100 แต่ใช้ 150
ประเทศๆนึง มันก็เหมือนคนๆนึงนี่ล่ะครับ
มีดี มีเลว มีขยัน มีขี้เกียจ มีมองการณ์ไกล มีเห็นแก่ตัว มีสมถะ มีฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ
กรีซนั้นเข้าขั้น ฟุ้งเฟ้อ มาตั้งนานแล้วครับ
ตั้งแต่ที่รัฐบาลไม่ยอมรับความจริงว่า ประเทศตัวเอง "ขาดทุน"
และประชาชนในประเทศ ก็ไม่สนใจว่า ประเทศจะเป็นยังไง มองแค่ว่า "ฉันจะได้อะไร"
จนถึงวันนี้ เมื่อทั้งประเทศ เป็นหนี้
ทางเลือกเดียวคือ คนทั้งประเทศ ต้องร่วมกัน "ใช้หนี้" หนี้มันถึงจะหด ลด และหายไป
แต่ตอนนี้ รัฐบาลดันเลือกวิธี "ทำประชามติ" ว่า ประชาชน จะช่วยกัน ใช้หนี้ หรือ ไม่
ถามหน่อยครับ
ในความเป็นจริง มันมีให้เลือกด้วยหรือครับ ว่าจะใช้หนี้หรือไม่น่ะ
ยืมมา ก็ต้องใช้สิครับ
ถ้าไม่มีให้ใช้
มันก็เข้าสู่กระบวนการ "ประนอมหนี้"
เจ้าหนี้เขาก็จะเข้ามาเสนอทางเลือกอื่นๆให้ เพื่อให้เราสามารถใช้หนี้เขาได้
ไม่มีใครอยากได้หนี้เสียหรอกครับ
มีก็แต่พวกหน้าด้านบางกลุ่มเท่านั้น ที่บอกได้แค่ว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย"
และที่สำคัญ "ไม่ประนอมหนี้" ด้วย
ชาวกรีซอาจจะพูดได้ครับ ว่าตนเองไม่ได้เป็นคนไปยืมเงินเขามา
แต่มันปฏิเสธได้เหรอครับ ว่า เงินที่ตนเองได้ทุกบาททุกสตางค์นั้น ไมได้มาจากเงินกู้ที่ประเทศไปกู้เขาไว้
ถึงวันนี้ ที่หนี้มันท่วมหัวแล้ว
ท่วมต่อไปไม่ไหว
เจ้าหนี้เขาก็ออกมาเคาะประตู บอกเราว่า ไม่สามารถผ่อนผันได้แล้วนะ
ทางเลือกเดียวคือ "คุณต้องจ่าย"
แต่กรีซก็ยังปิดประตู กลับมานั่งคุยกันเองในห้องว่า จะเอายังไง
ถามผมคือ มันไม่เหลือทางเลือกอีกแล้วล่ะครับ
IMF ให้เงินไปบริหารประเทศ ก็เหมือนเอาไปเททิ้ง
ไม่ได้สร้างกำไรให้มีมากขึ้นแต่อย่างใด
จุดจบมันจะเป็นยังไง ผมก็ไม่ทราบได้ครับ
แต่เชื่อเหอะ
ประเทศเราก็ใกล้เคียงกันอย่างเห็นได้ชัด
ประเทศมันก็เหมือนคนนั่นล่ะครับ
มันมีดี ก็มีเลว
ทุกวันนี้ ประเทศเราดีหรือเลว ผมไม่รู้
แต่ก่อนหน้านี้น่ะ
"เลว" แน่นอนครับ
เพราะถ้ามันดีจริง คงไม่ต้องมีการ "ยึดอำนาจ" แบบนี้
ที่ต้องยึด เพราะคนก่อนที่มีอำนาจ มันใช้อำจาจแบบผิดๆนั่นแหละครับ
คนที่ยึดได้ ถึงต้องเข้ามายึด ก็แค่นั้นเอง
ถ้าประเทศไทย เล่นกันตามกฏ เลือกตั้งแล้วจบ ไม่มีมาเล่นการเมืองข้างถนน เอะอะๆ พรรคฉันแพ้ ก็มาก่อม็อบประท้วง ไม่เอาๆ ไม่มีใครทำอะไรเข้า ประเทศก็เหมือน 2-3 ก๊ก แบ่งแยกดินแดน ตะโกนด่ากันสนุกปาก
ขึ้นเวทีบอก "ปรองดองๆ"
พูดได้ 5 วินาที อีก 5 ชม.คือด่าฝั่งตรงข้าม
เรื่องพวกนี้ มันไม่ควรจะเกิดแต่แรกแล้วครับ
แต่ก็โทษคนก่อม็อบอย่างเดียวไม่ได้
มันต้องโทษที่นักการเมืองด้วยครับ
นั่นแหละต้นตอของปัญหา
ถ้าคุณบริหารประเทศดีจริง
ประเทศมันจะเดินหน้าครับ
ไม่ใช่สรรหานโยบายอะไรต่างๆมานักไม่รู้
ทำแล้วก็ขาดทุน
อย่าง "จำนำข้าว" ทำไปทำไม ไม่ทำใครจะเจ็บไม่รู้ แต่ตอนนี้ ทำไปแล้ว เจ็บหนักกันทั้งประเทศ หาผลดีแทบไม่ได้เลย
สู้ไปเปิดตลาดซื้อขายล่วงหน้าของข้าวโดยเฉพาะเลยดีกว่า เหมือนตลาดฟิวเจอร์ ทำแล้วเห็นผลแน่นอน ได้เงินเพิ่มขึ้นแน่นอน
ส่วนพรรคฝ่ายค้าน เขาให้ค้าน ก็ค้านไปครับ ไม่ใช่ขัดแข้งขัดขา
เหมือนป๋าชูวิทย์เคยว่าไว้
ฝ่ายค้านเหมือนคนเป็นเมีย
นอกบ้าน เราไม่ยุ่ง
แต่ในบ้าน เราต้องคุม คุมให้อยู่ อะไรไม่ควร ต้องบอก ต้องปรับ ต้องแก้
แต่ไม่ไปยุ่งกับสามีที่เขาทำงานนอกบ้าน
อันนั้นให้เขาทำไป
ตอนนี้ที่เห็น คือใครเป็นฝ่ายค้านบ่อยๆ เงินไม่สะพัด ก็งัดเอามุกใหม่ๆมาโจมตี เพื่อให้รัฐบาลนั้นร่วง และพอหมดสมัย ก็จะได้เลือกตนเองบ้าง
โดยไม่มองหรอกว่า ตนเองนั้น เก่งพอจะบริหารประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ดีหรือเปล่า
ยาวไปครับ
ยาวไป
ร้านผ้าม่านศรีราชา
(เกี่ยวกับผ้าม่านตรงไหน??)
ข่าวช่วงนี้ ถ้าใครที่เล่นหุ้นหรือติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่ ก็คงจะได้เห็นภาพจาก viral นึง ที่เป็นภาพชายชราแต่งตัวดีคนนึง ทรุดตัวนั่งพิงกำแพงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและสิ้นหวัง
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่ชาวกรีซบางคน ไปถอนเงินกองทุนเกษียณ แล้วธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่มีเงินให้ถอนหรือที่แย่กว่านั้นคือ "ไม่มีเงินให้" เลยแม้แต่น้อย
กรีซกำลังจะถูกปรับให้หลุดออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโร
ผลที่ตามมาก็เห็นจะเป็นเรื่องการถูกตัดออกจากการช่วยเหลือทางด้านการเงินและเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง รวมไปถึง การไม่อนุญาตให้ใช้สกุลเงินยูโร ที่เป็นสกุลสากลอีกต่อไป
ซึ่งถ้าถามหาสาเหตุของเรื่องนี้
เท่าที่ผมได้ศึกษามา ก็เห็นจะหนีไม่พ้นอยู่เรื่องเดียวแหละครับ
คือ
ความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาล
เท่าที่รู้มาคือ กรีซนั้น เพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้กับพนักงานในประเทศเสียเยอะเกินกว่าที่ตนเองจะจ่ายไหว จนเป็นหนี้ท่วมหัว และไม่สามารถใช้เงินคืนให้กับ IMF ได้
พูดง่ายๆคือ "สบายก่อน ค่อย ลำบากทีหลัง"
ประชาชนเคยชินกับการได้รับสวัสดิการที่ดีแล้ว สุดยอดแล้ว ซ้ำๆไปเรื่อยๆ มีแต่ดี ดี ดี มาตลอด
ส่วนหนึ่งเพราะนโยบายประชานิยมที่ทางรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง ให้ประชาชนกลับมาเลือกพรรคตัวเองอีกรอบ และอีกรอบ
ซึ่งกระทำไปโดยไม่ได้สนใจเลยว่า ประเทศจะอยู่กันอย่างไร ไม่สน ขอพรรคฉันชนะเลือกตั้งเป็นพอ
พอถึงเวลาตรวจสอบบัญชี ก็ปกปิดไว้ ตกแต่งบัญชีให้ดูดีเกินจริง ต่างๆนานาไป
ถึงตอนนี้ IMF ต้องการเงินคืน ก็ไม่มีให้เขา (จริงๆก่อนนี้ สหภาพยุโรปก็ให้กู้ไปก่อนแล้วรอบหนึ่ง ก็เบี้ยวเขาอีก)
ถามหน่อยครับ ว่า มันต่างอะไรกับคนบางคนในประเทศเรา ที่ ได้เงินมา 100 แต่ใช้ 150
ประเทศๆนึง มันก็เหมือนคนๆนึงนี่ล่ะครับ
มีดี มีเลว มีขยัน มีขี้เกียจ มีมองการณ์ไกล มีเห็นแก่ตัว มีสมถะ มีฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ
กรีซนั้นเข้าขั้น ฟุ้งเฟ้อ มาตั้งนานแล้วครับ
ตั้งแต่ที่รัฐบาลไม่ยอมรับความจริงว่า ประเทศตัวเอง "ขาดทุน"
และประชาชนในประเทศ ก็ไม่สนใจว่า ประเทศจะเป็นยังไง มองแค่ว่า "ฉันจะได้อะไร"
จนถึงวันนี้ เมื่อทั้งประเทศ เป็นหนี้
ทางเลือกเดียวคือ คนทั้งประเทศ ต้องร่วมกัน "ใช้หนี้" หนี้มันถึงจะหด ลด และหายไป
แต่ตอนนี้ รัฐบาลดันเลือกวิธี "ทำประชามติ" ว่า ประชาชน จะช่วยกัน ใช้หนี้ หรือ ไม่
ถามหน่อยครับ
ในความเป็นจริง มันมีให้เลือกด้วยหรือครับ ว่าจะใช้หนี้หรือไม่น่ะ
ยืมมา ก็ต้องใช้สิครับ
ถ้าไม่มีให้ใช้
มันก็เข้าสู่กระบวนการ "ประนอมหนี้"
เจ้าหนี้เขาก็จะเข้ามาเสนอทางเลือกอื่นๆให้ เพื่อให้เราสามารถใช้หนี้เขาได้
ไม่มีใครอยากได้หนี้เสียหรอกครับ
มีก็แต่พวกหน้าด้านบางกลุ่มเท่านั้น ที่บอกได้แค่ว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย"
และที่สำคัญ "ไม่ประนอมหนี้" ด้วย
ชาวกรีซอาจจะพูดได้ครับ ว่าตนเองไม่ได้เป็นคนไปยืมเงินเขามา
แต่มันปฏิเสธได้เหรอครับ ว่า เงินที่ตนเองได้ทุกบาททุกสตางค์นั้น ไมได้มาจากเงินกู้ที่ประเทศไปกู้เขาไว้
ถึงวันนี้ ที่หนี้มันท่วมหัวแล้ว
ท่วมต่อไปไม่ไหว
เจ้าหนี้เขาก็ออกมาเคาะประตู บอกเราว่า ไม่สามารถผ่อนผันได้แล้วนะ
ทางเลือกเดียวคือ "คุณต้องจ่าย"
แต่กรีซก็ยังปิดประตู กลับมานั่งคุยกันเองในห้องว่า จะเอายังไง
ถามผมคือ มันไม่เหลือทางเลือกอีกแล้วล่ะครับ
IMF ให้เงินไปบริหารประเทศ ก็เหมือนเอาไปเททิ้ง
ไม่ได้สร้างกำไรให้มีมากขึ้นแต่อย่างใด
จุดจบมันจะเป็นยังไง ผมก็ไม่ทราบได้ครับ
แต่เชื่อเหอะ
ประเทศเราก็ใกล้เคียงกันอย่างเห็นได้ชัด
ประเทศมันก็เหมือนคนนั่นล่ะครับ
มันมีดี ก็มีเลว
ทุกวันนี้ ประเทศเราดีหรือเลว ผมไม่รู้
แต่ก่อนหน้านี้น่ะ
"เลว" แน่นอนครับ
เพราะถ้ามันดีจริง คงไม่ต้องมีการ "ยึดอำนาจ" แบบนี้
ที่ต้องยึด เพราะคนก่อนที่มีอำนาจ มันใช้อำจาจแบบผิดๆนั่นแหละครับ
คนที่ยึดได้ ถึงต้องเข้ามายึด ก็แค่นั้นเอง
ถ้าประเทศไทย เล่นกันตามกฏ เลือกตั้งแล้วจบ ไม่มีมาเล่นการเมืองข้างถนน เอะอะๆ พรรคฉันแพ้ ก็มาก่อม็อบประท้วง ไม่เอาๆ ไม่มีใครทำอะไรเข้า ประเทศก็เหมือน 2-3 ก๊ก แบ่งแยกดินแดน ตะโกนด่ากันสนุกปาก
ขึ้นเวทีบอก "ปรองดองๆ"
พูดได้ 5 วินาที อีก 5 ชม.คือด่าฝั่งตรงข้าม
เรื่องพวกนี้ มันไม่ควรจะเกิดแต่แรกแล้วครับ
แต่ก็โทษคนก่อม็อบอย่างเดียวไม่ได้
มันต้องโทษที่นักการเมืองด้วยครับ
นั่นแหละต้นตอของปัญหา
ถ้าคุณบริหารประเทศดีจริง
ประเทศมันจะเดินหน้าครับ
ไม่ใช่สรรหานโยบายอะไรต่างๆมานักไม่รู้
ทำแล้วก็ขาดทุน
อย่าง "จำนำข้าว" ทำไปทำไม ไม่ทำใครจะเจ็บไม่รู้ แต่ตอนนี้ ทำไปแล้ว เจ็บหนักกันทั้งประเทศ หาผลดีแทบไม่ได้เลย
สู้ไปเปิดตลาดซื้อขายล่วงหน้าของข้าวโดยเฉพาะเลยดีกว่า เหมือนตลาดฟิวเจอร์ ทำแล้วเห็นผลแน่นอน ได้เงินเพิ่มขึ้นแน่นอน
ส่วนพรรคฝ่ายค้าน เขาให้ค้าน ก็ค้านไปครับ ไม่ใช่ขัดแข้งขัดขา
เหมือนป๋าชูวิทย์เคยว่าไว้
ฝ่ายค้านเหมือนคนเป็นเมีย
นอกบ้าน เราไม่ยุ่ง
แต่ในบ้าน เราต้องคุม คุมให้อยู่ อะไรไม่ควร ต้องบอก ต้องปรับ ต้องแก้
แต่ไม่ไปยุ่งกับสามีที่เขาทำงานนอกบ้าน
อันนั้นให้เขาทำไป
ตอนนี้ที่เห็น คือใครเป็นฝ่ายค้านบ่อยๆ เงินไม่สะพัด ก็งัดเอามุกใหม่ๆมาโจมตี เพื่อให้รัฐบาลนั้นร่วง และพอหมดสมัย ก็จะได้เลือกตนเองบ้าง
โดยไม่มองหรอกว่า ตนเองนั้น เก่งพอจะบริหารประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ดีหรือเปล่า
ยาวไปครับ
ยาวไป
ร้านผ้าม่านศรีราชา
(เกี่ยวกับผ้าม่านตรงไหน??)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น