ม่านสองชั้น , ผ้าโปร่ง ติดดีมั้ย อยากให้เหมือนบ้านตัวอย่าง สวยดี

ลูกค้าหลายท่าน (จริงๆต้องบอกเลยว่า ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ) มาที่ร้านเราแล้วปรึกษาว่าอยากติดม่านแบบไหนอะไรยังไงดี

ถ้าบางท่านมีไอเดียในหัวอยู่แล้ว อันนี้ก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ครับ พูดคุยกันสักพัก ก็น่าจะได้สิ่งที่ต้องการ หรือไม่ก็ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมได้

หรือบางท่านที่ยังไม่มีอะไรในหัวเลย อันนี้ก็อาจจะนานหน่อย ต้องเข้ามาพูดคุย สื่อสาร ปรึกษาหารือกันสักพัก ก็ถึงจะทราบความต้องการที่เหมาะกับสไตล์และงบประมาณได้

ประเด็นมีอยู่ว่า ลูกค้าบางท่าน มีความต้องการจะติดผ้าม่านให้เหมือนกันเด๊ะๆกับบ้านตัวอย่างกันเลยทีเดียว

ซึ่งส่วนใหญ่ บ้านตัวอย่างก็มักจะติดผ้าม่านแบบ "จัดเต็ม" กันทั้งนั้นครับ

คือ มันเอาไว้โชว์น่ะครับ เอาไว้ขาย เพิ่มความสวยงาม เพิ่มมูลค่า รวมค่าผ้าม่านเข้าไปในบ้านตัวอย่าง อาจจะทำให้บ้านนั้นราคาสูงขึ้นได้อีกในความรู้สึกก็เป็นได้เช่นกัน

ลูกค้าหลายท่านเข้ามาหาเรา แล้วบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยว่า "จะเอาแบบบ้านตัวอย่าง" อยากให้เหมือนเป๊ะ

ผมก็เข้าใจนะครับ ว่าทุกคนอยากให้บ้านตัวเองออกมาดูสวยงาม และมองไปแล้วก็รู้สึกดี เวลาอยู่อาศัยก็จะได้รู้สึกดี

แต่รู้มั้ยครับ ว่าบ้านตัวอย่างนั้น ส่วนใหญ่ ทั้งผ้าม่าน ทั้งวอลเปเปอร์ ผู้ออกแบบมักจะจัดแบบ "เต็มเหนี่ยว" เลยทีเดียว

คือ ราคาสูงแบบเอาเรื่อง จนถึงกับบางหลังนั้นงบประมาณเหยียบแสนเลยก็เป็นได้

ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาเลือกผ้าม่านและวอลเปเปอร์กับเรานั้น ก็ไม่ได้มีงบประมาณมากมายขนาดนั้นครับ

บางคนวางงบไว้แค่หลักหมื่น 2 หมื่นบ้าง 3 หมื่นบ้าง ซึ่งต้องเรียนให้ทราบตามตรงเลยครับ ว่า มันไม่สามารถทำได้จริงๆ เพราะต้นทุนที่บ้านตัวอย่างนั้นใช้ ส่วนมาก เหยียบหลัก 5-6 หมื่นขึ้นไปครับ (เฉลี่ยๆก็อยู่ประมาณ 7-8 หมื่นนะครับ จากประสบการณ์ผม)

ดังนั้น เมื่อพูดคุยกันจนได้สิ่งที่ลูกค้าต้องการเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะติดปัญหาที่เรื่องราคาเป็นหลัก

ซึ่งผมก็มักจะแนะนำไปว่า " ม่านโปร่ง " หรือบางคนเรียกว่า " ม่านสองชั้น " ที่มีลักษณะบางเบาเป็นสีขาวนั้น ถ้าเอาออกได้ ก็ดีครับ

พูดตรงๆว่า มันคือสิ่งของที่ไม่จำเป็นอย่างแท้จริง

ประโยชน์ของมันในการใช้งานนั้นแทบไม่มีเลยครับ นอกจากราคาถูกกว่าผ้าม่านทึบกันแดดทั่วไป อาจจะถูกกว่าประมาณ 30-40% แต่ถามว่า จำเป็นกับบ้านมั้ย?

ตอบเลยครับ ว่าไม่จำเป็น

ที่ผมมาบอกแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ติดกันทุกคนนะครับ ถ้าหากท่านใดที่มีทุนทรัพย์เพียงพอ หรือวางงบประมาณไว้ครอบคลุมแล้ว ก็สามารถติดได้ครับ แต่ผมแค่จะมาบอกความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ท่านคิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงให้ฟังครับ

ความเป็นจริงของผ้าม่านโปร่งหรือม่านสองชั้น


1. ผ้าม่านโปร่ง หรือม่านโปร่ง หรือม่านสองชั้น นั้น ไม่ได้ช่วยกันฝุ่นหรือกันอะไรได้มากมายครับ คนจากข้างนอกมองเข้ามาก็เห็นอะไรในบ้านได้พอสมควร ถามว่า ถ้ามีแล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนอยู่รีสอร์ทได้ อันนี้ก็อาจจะใช่ครับ แต่ต้องดูด้วยว่า มันคุ้มกับงบประมาณหรือเปล่าครับ เพราะอย่างห้องนอน เท่าที่ผมเห็น ลูกค้าส่วนมาก ทำงานประจำ เช้ามาก็ออกจากบ้านไปทำงาน ไม่ได้มีอารมณ์สุนทรีย์จะลุกขึ้นมาเปิดม่านทึบรับแสงแดดยามเช้าเหมือนในโฆษณาคอนโดมิเนียมหรูในทีวีเท่าไหร่หรอกครับ

ตอนเย็น กลับเข้าบ้านมา ก็ใช้ชีวิตกันอยู่ข้างล่าง กว่าจะขึ้นนอน ก็มืดจนมองอะไรไม่เห็นแล้ว จะเปิดม่านโปร่งหรือไม่ ก็ไม่แตกต่างกันครับ เผลอๆ อาจจะต้องปิดม่านทึบไว้ตลอดเลยก็ได้ เพราะไม่อยากให้ใครจากข้างนอก มองเข้ามาเห็นเราใส่ชุดนอนวาบหวิวก็ได้

2. ผ้าม่านนั้น ก็เหมือนกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆทั่วไปนั่นแหละครับ อยู่ๆกับมันไปสักพัก ของที่สวยงามสุดตอนเพิ่งได้มาใหม่ๆ มันก็กลายเป็นของธรรมดาไปได้ไม่ยาก สักครึ่งปี เราก็ไม่รู้สึกว่าดีใจที่มีมันอยู่แล้วครับ

3. เวลาเราได้บ้านใหม่ เข้าอยู่แล้ว ย่อมต้องมีแขกมาเยี่ยมเยียน ทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมิตรสหาย การที่แขกเหล่านั้นมาบ้านเราแล้วชมว่า "สวยนะ" "ผ้าม่านสวยจังเลย" แน่นอนครับ ย่อมทำให้เรารู้สึกดี แต่ครั้งต่อไปที่พวกเขามาหาเราที่บ้าน เขาจะบอกอย่างนั้นอีกครั้งหรือเปล่าครับ คงไม่ เช่นเดียวกันครับ แขกที่เราจะชวนให้มาเที่ยวบ้าน มากินอาหารค่ำกัน มาปิ้งย่างบาร์บีคิว กินดื่มกันสนุกสนาน คงไม่มีใครชมบ้านเราทุกครั้งที่เขามาครับ และแน่นอน ในท้ายที่สุด คำชมเหล่านั้นก็จะหายไปตามกาลเวลา เพราะแขกเหล่านั้นก็คงไม่ได้รู้สึกว่าบ้านเรา สวยโคตรๆ ทุกครั้งที่พวกเขามาเยี่ยมเยียนเป็นแน่

4. อย่างที่บอกไว้ตอนต้นครับ บ้านตัวอย่างนั้น เอาไว้สำหรับโชว์ครับ ไม่ได้เอาไว้อยู่อาศัย เชื่อได้เลยว่า ต่อให้เราแต่งบ้านเหมือนกับบ้านตัวอย่างเป๊ะๆยังไง สุดท้าย มันก็ต้องมีข้าวของที่เราต้องเอาไว้ใช้งานอยู่ดี เช่น ตู้กับข้าวที่มีอาหารอยู่เต็ม ของเล่นของลูกๆเด็กๆที่วางอยู่เกลื่อนพื้นในบ้าน หนังสือมากมายที่เราชอบอ่าน โน้ตบุคกับอุปกรณ์ในการทำงานของเรา เก้าอี้ที่นั่งสบายแต่ไม่ได้เข้าชุดกันกับโต๊ะและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น หรือตะกร้าเสื่อผ้าหรือถุงเท้าใส่แล้วที่วางไว้รอซัก

ของพวกนี้เราไม่มีทางได้เห็นในบ้านใหม่หรอกครับ เพราะมันไม่มีทางเข้าชุดกันได้

เราถึงได้เห็นว่า บ้านใหม่นั้น สมัยนี้ ตกแต่งให้เหมือนกับรีสอร์ท มากกว่าจะเหมือนกับห้องที่มีคนอยู่อาศัยจริงๆ ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกครับ เขาทำมาขาย ไม่ได้ทำมาให้เช่า

ลองไปดูบ้านเปล่าๆหรือบ้านตัวอย่างที่มีคนอยู่อาศัยดูสิครับ มีน้อยหลังเอามากๆ ที่จะตกแต่งได้สวยงามเทียบเท่ากับบ้านตัวอย่าง รวมถึงการดูแลรักษาให้มันดู "น่าอยู่" มากกว่า "อยู่ไปแล้ว" ได้ด้วยเช่นกัน


ผมคงไม่บอกว่า ติดม่านโปร่งหรือม่านสองชั้นมันดีหรือไม่ดีนะครับ ผมไม่มีสิทธิ์จะไปบอกว่าเงินในกระเป๋าท่านควรจะเอาไปใช้กับเรื่องอะไร จำเป็นหรือไม่

แต่ถ้าหากลูกค้าสักคนที่ได้เข้ามาคุยกับร้านผมจะรู้ครับ ว่าตอนที่ผมพูดคุยนั้น ผมไม่ได้พูดแค่เพื่อขาย แต่ผมต้องการจะสื่อสารและรับรู้ Life Style ของลูกค้า แนวความคิดเรื่องการแต่งบ้าน รสนิยม และภาพที่อยู่ในหัวของลูกค้า ต้องตรงกับภาพในหัวของผมมากที่สุดหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว

ซึ่งต้องบอกว่า มันเป็นการยากมากๆ ที่จะดูผ้าม่านในแคตาล็อกเล่มเล็กๆแล้วจินตนาการภาพตอนที่ติดตั้งเสร็จแล้วออก ผมบอกได้แค่ว่า จากประสบการณ์ในการติดตั้งผ้าม่านมาแล้วนั้น ผ้าแบบนี้สวย ผ้าแบบนี้ไม่สวย หรือติดแล้วมีรอยต่อ ไม่กันแดด ฯลฯ เท่านั้น

แต่เรื่องจะถูกใจหรือไม่ในมุมของลูกค้า ผมตอบไม่ได้ครับ

ผ้าม่านมันเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยให้บ้านน่าอยู่มากขึ้นหรือน้อยลงได้ก็จริง แต่นอกจากผ้าม่านแล้ว มันก็ยังมี วอลเปเปอร์ มู่ลี่ เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงของแต่บ้านอื่นๆด้วยเช่นกัน

ซึ่งเรื่องราวหลังจากติดม่านไปแล้วนั้น ก็อยู่ที่คุณลูกค้าจะเลือกและตัดสินใจแล้วล่ะครับ ว่าอยากจะให้บ้านของตัวเองออกมามีอารมณ์ประมาณไหนเป็นส่วนประกอบ

ขอให้มีความสุขกับบ้านใหม่ทุกท่านนะครับ ^^

ร้านผ้าม่านศรีราชา

ความคิดเห็น