การโฆษณา การตลาด การทำธุรกิจให้ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้นโดยเน้นถึก ลงแต่แรง จะไปได้ไหม? (กลับมารายงานตัวครับ)
ช่วงนี้ที่หายๆไปไม่ได้ไปไหนนะครับ
ติดงานค่อนข้างเยอะ
และได้ไปเรียนการตลาดเพิ่มเติมเพื่อเอามาต่อยอดร้านผ้าม่าน
เลยต้องทำการบ้านอีกเพียบตามที่อาจารย์สั่งมา
และยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ คือเป็นเจ้าของร้าน car care ที่ลาออกจากงานประจำเงินเดือนเหยีบแสน ยอมมาเป็นหนี้ร่วมล้าน เพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง ว่าซักวันหนึ่ง เราจะมีร้าน car care เป็นของตัวเอง
ผ้าม่าน ศรีราชา
และวันนี้ สำหรับเขา ก็ได้ทำตามความฝันเป็นจริงเรียบร้อยแล้ว
เหลือแต่ความเป็นจริง ที่เป็นตัวเลขที่มาจากไฟแนนซ์ว่า เราเป็นหนี้เขาอยู่อีกเท่าไหร่
แน่นอนครับ ความเครียดความกดดัน มันมากมายพอกพูนขึ้นจริงๆ
แต่กลับกัน ความสนุกและกำลังใจมันก็ล้นหลามเหมือนไม่เคยมีมาก่อน (พูดซะอย่างกับเป็นตัวเองแน่ะ)
จริงๆ ผมได้คุยกับ 2 สามีภรรยาคู่นี้พอสมควรครับ
พวกเขาเป็นคู่ที่น่ารัก และเป็นคนที่คิดบวกมากมายจริงๆ ได้อยู่ใกล้ๆพูดคุยกัน ก็ได้รับความคิดแง่บวกมามากมาย ช่วยให้ผมได้รับอิทธิพลเชิงบวกเพิ่มขึ้นอีกทุกครั้งที่เจอ
และนอกจากนั้น พวกเขายังเป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ผลักดันให้ผมสามารถ "วางแผนออกจากงานประจำ" จนเป็นรปเป็นร่างขึ้นมาจนได้
(ใครอยากรู้เรื่องที่ผมออกจากงานประจำ ลองติดตามได้ที่อีก blog นึงของผมนะครับ http://rabuysri.blogspot.com/ เผื่อว่าจะเบื่อเรื่องเกี่ยวกับผ้าม่านหรือธุรกิจผ้าม่าน ก็ไปอ่านเอามันส์กันได้นะครับ 555)
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ผมเลยได้พูดคุยและตกลงใจว่า จะลองช่วยพวกเขาโฆษณาและ promote เพจร้านของเขาทาง facebook ให้ ซึ่งจริงๆก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่งานง่ายๆ และต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร และผมก็คิดค่าบริการแค่เดือนละ 1000 บาทเท่านั้น ไม่รวมค่าคลิกหรือค่าโฆษณาที่ทางนู้นเขาต้องจ่ายตามจริง
ซึ่งผมมองว่า การที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา น่าจะทำให้ผมสามารถมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดทาง facebook เพิ่มขึ้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อย และก็ได้ตามนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่ตามมาคือ มันก็กินเวลาผมไปมากมายเหมือนกันครับ
เพราะการตลาด Car detailing หรือพวก Car care นั้น ผมต้องตอบตรงๆเลยว่า ผมแทบไม่รู้จักกลุ่มลูกค้าหรือพฤติกรรมของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะไม่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการนี้เลยตั้งแต่แรก ประสบการณ์ผมเป็นศูนย์สัมบูรณ์เลยทีเดียว
แต่ก็ยังดีกว่าให้ทางนู้นเขามาเรียนการตลาดกับผมล่ะครับ
ผมคงไม่มีเวลาสอนให้แน่นอนเลยทีเดียว
ก็เลยลองเปิดโฆษณาให้เขาดู และลอง monitor ผลลัพธ์ไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นว่า ยอดคนกดไลค์โพสนั้นค่อยๆมากขึ้น แต่ยอดคนกดไลค์เพจนั้น ค่อนข้างน้อยทีเดียว 5555
ก็ต้องมาทำการบ้านกันต่อไปครับ
จริงๆ ครึ่งหนึ่ง คือเจ้าของร้าน เขาต้องมีศิลปะในการสื่อสารผ่านตัวหนังสือด้วยเช่นกัน ทำยังไงจะให้คนเข้ามาที่ร้าน หรือเห็นโพสโฆษณาแล้วสนใจ อันนี้ผมไม่สามารถตอบได้จริงๆครับ
มีน้องอีกคนนึงที่ทำครีมขายอยู่ในเฟส ซึ่งก็อย่างที่เรารู้ๆกันนั่นแหละครับ ว่าคนส่วนใหญ่ มักทำการตลาดผ่านเฟซฯของตัวเองเป็นหลัก และไม่เข้าใจการใช้บัตรเครดิตหรือการจ่ายค่าโฆษณาให้ทาง facebook หรือ google เลยแม้แต่น้อย ก็คิดแค่ว่า ทำๆไป แล้วเดี๋ยวมันก็เห็นผลเองนั่นแหล่ะ
ซึ่งมันก็ไม่ผิดครับ แต่เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกการตลาดแล้ว การแข่งขันย่อมมี และการตลาดที่ไม่เข้มแข่ง ก็ไม่ได้ช่วยให้ traffic ของลูกค้าเราเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใดแน่นอน
เพราะงั้น การมีตัวช่วยเหล่านี้นั้น จะทำให้เราสามารถต่อสู้กับคู่แข่งของเราได้ในระยะยาวครับ
ซึ่งหลายๆครั้ง ผลลัพธ์ มันไม่ได้ออกมาทันทีทันใด แต่ถ้ามัน work เราก็จะรู้ได้เองในระยะยาวครับ
เป็นกำลังใจให้นักสู้ผู้ล่าฝันทุกท่านนะครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
ติดงานค่อนข้างเยอะ
และได้ไปเรียนการตลาดเพิ่มเติมเพื่อเอามาต่อยอดร้านผ้าม่าน
เลยต้องทำการบ้านอีกเพียบตามที่อาจารย์สั่งมา
และยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ คือเป็นเจ้าของร้าน car care ที่ลาออกจากงานประจำเงินเดือนเหยีบแสน ยอมมาเป็นหนี้ร่วมล้าน เพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง ว่าซักวันหนึ่ง เราจะมีร้าน car care เป็นของตัวเอง
ผ้าม่าน ศรีราชา
และวันนี้ สำหรับเขา ก็ได้ทำตามความฝันเป็นจริงเรียบร้อยแล้ว
เหลือแต่ความเป็นจริง ที่เป็นตัวเลขที่มาจากไฟแนนซ์ว่า เราเป็นหนี้เขาอยู่อีกเท่าไหร่
แน่นอนครับ ความเครียดความกดดัน มันมากมายพอกพูนขึ้นจริงๆ
แต่กลับกัน ความสนุกและกำลังใจมันก็ล้นหลามเหมือนไม่เคยมีมาก่อน (พูดซะอย่างกับเป็นตัวเองแน่ะ)
จริงๆ ผมได้คุยกับ 2 สามีภรรยาคู่นี้พอสมควรครับ
พวกเขาเป็นคู่ที่น่ารัก และเป็นคนที่คิดบวกมากมายจริงๆ ได้อยู่ใกล้ๆพูดคุยกัน ก็ได้รับความคิดแง่บวกมามากมาย ช่วยให้ผมได้รับอิทธิพลเชิงบวกเพิ่มขึ้นอีกทุกครั้งที่เจอ
และนอกจากนั้น พวกเขายังเป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ผลักดันให้ผมสามารถ "วางแผนออกจากงานประจำ" จนเป็นรปเป็นร่างขึ้นมาจนได้
(ใครอยากรู้เรื่องที่ผมออกจากงานประจำ ลองติดตามได้ที่อีก blog นึงของผมนะครับ http://rabuysri.blogspot.com/ เผื่อว่าจะเบื่อเรื่องเกี่ยวกับผ้าม่านหรือธุรกิจผ้าม่าน ก็ไปอ่านเอามันส์กันได้นะครับ 555)
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ผมเลยได้พูดคุยและตกลงใจว่า จะลองช่วยพวกเขาโฆษณาและ promote เพจร้านของเขาทาง facebook ให้ ซึ่งจริงๆก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่งานง่ายๆ และต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร และผมก็คิดค่าบริการแค่เดือนละ 1000 บาทเท่านั้น ไม่รวมค่าคลิกหรือค่าโฆษณาที่ทางนู้นเขาต้องจ่ายตามจริง
ซึ่งผมมองว่า การที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา น่าจะทำให้ผมสามารถมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดทาง facebook เพิ่มขึ้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อย และก็ได้ตามนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่ตามมาคือ มันก็กินเวลาผมไปมากมายเหมือนกันครับ
เพราะการตลาด Car detailing หรือพวก Car care นั้น ผมต้องตอบตรงๆเลยว่า ผมแทบไม่รู้จักกลุ่มลูกค้าหรือพฤติกรรมของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะไม่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการนี้เลยตั้งแต่แรก ประสบการณ์ผมเป็นศูนย์สัมบูรณ์เลยทีเดียว
แต่ก็ยังดีกว่าให้ทางนู้นเขามาเรียนการตลาดกับผมล่ะครับ
ผมคงไม่มีเวลาสอนให้แน่นอนเลยทีเดียว
ก็เลยลองเปิดโฆษณาให้เขาดู และลอง monitor ผลลัพธ์ไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นว่า ยอดคนกดไลค์โพสนั้นค่อยๆมากขึ้น แต่ยอดคนกดไลค์เพจนั้น ค่อนข้างน้อยทีเดียว 5555
ก็ต้องมาทำการบ้านกันต่อไปครับ
จริงๆ ครึ่งหนึ่ง คือเจ้าของร้าน เขาต้องมีศิลปะในการสื่อสารผ่านตัวหนังสือด้วยเช่นกัน ทำยังไงจะให้คนเข้ามาที่ร้าน หรือเห็นโพสโฆษณาแล้วสนใจ อันนี้ผมไม่สามารถตอบได้จริงๆครับ
มีน้องอีกคนนึงที่ทำครีมขายอยู่ในเฟส ซึ่งก็อย่างที่เรารู้ๆกันนั่นแหละครับ ว่าคนส่วนใหญ่ มักทำการตลาดผ่านเฟซฯของตัวเองเป็นหลัก และไม่เข้าใจการใช้บัตรเครดิตหรือการจ่ายค่าโฆษณาให้ทาง facebook หรือ google เลยแม้แต่น้อย ก็คิดแค่ว่า ทำๆไป แล้วเดี๋ยวมันก็เห็นผลเองนั่นแหล่ะ
ซึ่งมันก็ไม่ผิดครับ แต่เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกการตลาดแล้ว การแข่งขันย่อมมี และการตลาดที่ไม่เข้มแข่ง ก็ไม่ได้ช่วยให้ traffic ของลูกค้าเราเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใดแน่นอน
เพราะงั้น การมีตัวช่วยเหล่านี้นั้น จะทำให้เราสามารถต่อสู้กับคู่แข่งของเราได้ในระยะยาวครับ
ซึ่งหลายๆครั้ง ผลลัพธ์ มันไม่ได้ออกมาทันทีทันใด แต่ถ้ามัน work เราก็จะรู้ได้เองในระยะยาวครับ
เป็นกำลังใจให้นักสู้ผู้ล่าฝันทุกท่านนะครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น