เริ่มต้นธุรกิจ ควรทำอะไรดี? อยากออกจากงานประจำเต็มแก่แล้ว...!!! (รัชนาผ้าม่าน ร้านผ้าม่าน ศรีราชา)
ต่อจากคราวที่แล้ว ที่เคยพูดไปเรื่องรุ่นน้องตั้งคำถามว่าอยากจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง จะทำยังไงดี เพราะไม่รู้จะไปเริ่มอะไร จะไปทำอะไรดี เงินก็ไม่มี ความรู้ที่มีก็ไม่รู้จะเอาไปต่อยอดให้เกิดรายได้ยังไงได้บ้าง
ถ้าจะให้ผมบอกสูตรลับความสำเร็จเลย ก็คงจะไม่ไหวล่ะครับ เพราะผมเองก็ไม่ใช่เทพเจ้าตัวพ่อธุรกิจร้อยล้านพันล้านที่ไหน ยังทำงานประจำเป็นลูกจ้างเขาอยู่เลยด้วยซ้ำ
ผ้าม่าน ศรีราชา
แต่ผมสามารถแชร์เรื่องราวต่างๆของคนใกล้ตัวที่ทำธุรกิจจนไม่ล้มเหลว (ใช้คำนี้ครับ เพราะผมไม่รู้ว่าคำว่าสำเร็จของแต่ละคนมันเท่ากันหรือเปล่า) เอามาเล่าสู่ให้ทุกท่านฟังกันได้
เพราะฉะนั้น โพสนี้ จะเป็นการแชร์เรื่องราวต่างๆของคนที่ผมเคยรู้จักผ่านพบมาละกันนะครับ สนิทบ้างไม่สนิทบ้างไม่เป็นไรครับ ฟังเป็นวิทยาทานละกันนะครับ
คนแรก : ขอเป็นคนที่ใกล้ตัวที่สุด "แฟนผมเอง" ครับ
แต่ก่อนเธอเป็นพนง.บริษัท ทำงานเกี่ยวกับบัญชี ด้วยความที่หน้าตาน่ารักและช่างพูดช่างจา ทำให้ได้รู้จักกับผู้คนที่มาวางบิลอย่างมากหน้าหลายตา
เธอได้คบกับผมหลังจากที่เธอลาออกจากงานที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และเธอก็เริ่มสนใจธุรกิจเล็กๆหลายตัว แต่ก็เหมือนคนอื่นทั่วๆไปที่ยังไม่เข้าใจธุรกิจ ซึ่งส่วนมาก ตั้งโจทย์ที่การ "เปิดร้าน" เล็กๆสักร้านแล้วก็ดำเนินธุรกิจไป
ธุรกิจตัวแรกของเธอคือ "ขายครีม" บำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง จริงๆก่อนหน้านั้นเธอชอบพวกสปา หรืออะไรที่เกี่ยวกับนวดหน้า นวดผิว นวดตัว ที่เป็นของจากธรรมชาติ อย่างพวก มะเขือเทศ แตงกวา ขมิ้น อะไรที่เป็นของจากธรรมชาติน่ะ เธอชอบนัก
ผมเองก็ไม่ได้ขัดเธอเท่าไหร่ เพราะการขายครีมนั้น ขายผ่านเน็ต และก็ใช้เฟสบุคเป็นสื่อกลางการเข้าถึงลูกค้า แต่ถ้าจะเปิดร้านนวดสปา มันต้องมีทุนสักก้อน หาเช่าร้าน แต่งร้าน เรียนวิธีนวด ซึ่งเราไม่ได้คิดกันไปได้ไกลอะไรขนาดนั้น
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
การขายครีมก็ทำได้เรื่อยๆ ผ่านไปสองสามเดือน กำไรต่อเดือนอยู่ที่เดือนละประมาณ 2-3 พันบาท จริงๆก็กะจะทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ติดที่ว่า "แผนการตลาด" ของสินค้าตัวนี้นั้น เจ้าของแบรนด์เขาวางมาให้มันเกิดความไม่เท่าเทียมกันในตัวแทนจำหน่ายเท่าไหร่
พูดง่ายๆก็คือ การจะได้กำไรที่มากขึ้น ก็ต้องสั่งของในปริมาณที่มากขึ้นด้วย มีตัวแทนระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับภาค และการจะได้กำไรสูงๆหลักหมื่นนั้น ก็ต้องเป็นตัวแทนระดับภาคขึ้นไป
ระหว่างที่แฟนผมทำธุรกิจตัวนี้ ก็เจออะไรหลายๆอย่างที่ไม่ค่อยจะพึงใจชอบนัก อย่างเช่น
ตัวแทนจำหน่ายคนอื่น รวมถึงหัวหน้าทีมของแฟนผม ใช้เฟสบุคส่วนตัวเป็นช่องทางการติดต่อกับลูกค้า ปัญหาคือ หลายๆครั้ง หัวหน้าทีมจะบ่นและพิมพ์คำหยาบคายต่างๆนานาลงไปในเฟสฯนั้นด้วย
ซึ่งผมกับแฟนก็ไม่เข้าใจว่า ในนั้นมีลูกค้าอยู่นะ มันไม่ได้เป็นพื้นที่สาธารณะให้เราจะพูดอะไรก็พูดได้หรือเปล่า เวลาไม่พอใจหงุดหงิด ก็จัดเต็มลงเฟซฯแบบไม่ไว้หน้าใคร ทั้งแฟนผมและผมก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่เรื่องที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่า มันไม่น่าจะใช่ธุรกิจที่ดีที่สุดสำหรับเราอีกแล้ว ก็คือเหตุการณ์งานเลี้ยงฉลองครบรอบของเจ้าของแบรนด์ครั้งหนึ่ง
ในงานนั้นจั่วหัวไว้ว่า มีของรางวัล แจกทอง แจกรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง แจกนั่นแจกนี่ เยอะมากๆ
และที่สำคัญ การใส่ตั๋วเพื่อจับฉลากนั้น จะใส่ได้แค่ "คนละใบ" เท่านั้น หากใครมียอดเกิน และได้ตั๋วมากเกินกว่าตัวเอง 1 ใบ ก็จะต้องพาคนอื่นไปหรือให้สิทธิ์คนอื่นในการใช้ตั๋วนั้นเอง
ผ้าม่าน
หลังจากที่พยายามทำยอดจนได้ตั๋วมา 3 ใบ แฟนผมก็ชวนผมไปด้วย พร้อมด้วยพ่วงน้องอีกคนที่สนิทด้วยไป เพราะไม่อยากเสียโอกาส
ที่งานนั้นเราได้เห็นการจัดงานหรูหราระดับหนึ่ง และในกล่องจับรางวัลก็มีฉลากหรือตั๋วปริมาณมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมสังเกตุดูก็เห็นว่า คนๆหนึ่งนั้นหยอดตั๋วลงกล่องมากกว่าคนละ 10 ใบ บางคนเป็นร้อยๆใบ ผมก็คิดว่า โอเค คงจะขอให้ตัวเองได้สักรางวัล และพอจับมาแล้ว ถ้ามันซ้ำ ก็คงต้องให้คนอื่นไป
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น
ทุกคนมองภาพออกใช่มั้ยครับว่าอะไรเกิดขึ้น
ใช่ครับ คนที่ได้รางวัล ก็ได้อยู่อย่างนั้น จับขึ้นมาทีละ 10-20 ใบ พูดชื่อ มีแต่ชื่อซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
รวมไปถึงรางวัลที่ 1 ก็เป็นชื่อเดิมกับคนเดียวที่ได้ทองไปหลายสิบบาท
บอกก่อนครับ คนที่ได้ทองไปหลายสิบบาทนั้น ไม่ได้มีแค่คนเดียวนะครับ แต่มีหลายคนมาก ส่วนใหญ่พวกเขาก็รู้จักกัน คิดว่าคงจะเป็นคนที่ทำธุรกิจมาด้วยกันสักระยะหนึ่งแล้ว ได้ร่วมงานกันเป็นเวลานาน ก็เลยรู้จักกันดี ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนระดับอำเภอกับระดับภาค
ผ้าม่าน ราคาถูก
ผมกับแฟนก็งงสิครับ จะให้พวกผมถ่อมาที่งานทำไม ค่าน้ำมันค่าชุดไม่ใช่ถูกๆ ถ้ารู้แบบนี้ เป็นคุณจะมามั้ยครับ มีตั๋ว 3 ใบ กับคนอื่นที่มียอดรวมแล้วหยอดตั๋วได้คนละ 2-300 ใบ แถมรางวัลก็เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีกอยู่อย่างนั้น
แน่นอนครับ พวกผม 3 คนไม่ได้อะไรกลับมาจากงานวันนั้น
ระหว่างที่เราขับรถกลับ เราก็คุยกันครับ ผมให้ความเห็นไว้อย่างหนึ่งว่า
"ธุรกิจอะไรก็ตาม ที่มันให้ความรู้สึก -ยุติธรรม- กับบุคลากรทุกตำแหน่งไม่ได้ ธุรกิจนั้นไม่น่าทำเท่าไหร่นะ"
คือ ต้องบอกก่อนครับ ผมเอง เป็นคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อกับแม่ทำธุรกิจ "ขายตรง" ครับ
หรือ MLM นั่นเอง
ธุรกิจตัวนั้นคือ Amway ครับ พูดเลยไม่มีเม้ม
ผมไม่ได้ออกมาเชียร์ Amway หรือด่าเขาแต่อย่างใดครับ
แม่ผมน่ะ เป็นพวก "Amway เข้าสายเลือด" คือ ทุกลมหายใจของเธอนั้นคือธุรกิจตัวนี้ครับ
ทำมาหลายสิบปีมาก ตั้งแต่มันเข้ามาในไทยใหม่ๆ
ผมไม่มีทางเกลียด Amway ได้ครับ เพราะถ้าไม่มีธุรกิจตัวนี้ บ้านผมคงจะลำบากกว่านี้มากครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมันหลายๆข้อ ก็สำคัญมากๆครับ ผมจะสรุปให้ฟังอีกทีในโพสอื่นๆนะครับ
ร้านผ้าม่าน ราคาถูก
ส่วนสิ่งหนึ่งที่ผมว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือ "ความยุติธรรม" ครับ
ธุรกิจใดๆก็ตาม ที่ให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งหรือรายได้ให้กับทั้งตัวเราและเจ้าของแบรนด์นั้น ต้องมีความยุติธรรม
ยุติธรรมแบบไหน
ก็แบบที่ว่า "มาก่อนมาหลังไม่เกี่ยว ถ้ามีความสามารถ ก็มีรายได้แซงคนที่มาก่อนได้"
"เริ่มต้น ต้องเท่ากัน แต่วัดกันที่ความสามารถ ไม่ใช่ว่าใครรวยกว่า ก็ซื้อของทำยอด หรือจ่ายเงินเยอะกว่าแล้วได้ส่วนลดมากกว่า"
ถ้าเจอธุรกิจตัวไหนที่ "ไม่ยุติธรรม" แล้วล่ะก็
ไม่ควรทำครับ
ครีมที่แฟนผมขาย ยอมรับครับว่าของเขาก็น่าจะดีจริงๆ เห็นแฟนชอบอยู่
แต่พอเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย ด้วยความพยายามของแฟนผม ความทุ่มเท และตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้สินค้าและขายของ แต่พอมาเจอ "นโยบาย" ของเจ้าของผลิตภัณฑ์ ก็ทำเอาหงายเงิบครับ
เพราะไอ้งานเลี้ยงที่ว่านั่น มันเหมือน "งานเลี้ยงที่จัดเพื่อพวกเดียวกัน" อย่างเห็นได้ชัด
ใครที่ไปร่วมงานแล้วหวังว่าจะได้รางวัลบ้าง แต่ส่งฉลากได้ไม่กี่สิบใบ ก็ไม่น่าจะได้ของรางวัลหรอกครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ลองนึกภาพสิครับ คนมาเข้างานเหมือนกัน แต่คนไม่กี่คนได้รางวัลหอบกลับบ้านจนล้น อีกหลายคน มากินฟรีแล้วก็กลับ
คือ ถ้าจะมีเงื่อนไขแบบนี้ ทำไมไม่เคลียร์หัวข้อแต่แรกครับ ว่า "1 คนหยอดตั๋วกี่ใบก็ได้นะ"
จะได้ไม่ต้องไปกัน
นั่นคือจุดจบธุรกิจแรกของแฟนผมครับ เธอไม่ได้รู้สึกอยากจะทำต่อไปเท่าไหร่ ก็เลยเงียบๆหายไป แล้วก็มองหาตัวอื่น
ธุรกิจที่ 2 คือ "หมอน" ครับ
เราไปเที่ยว ตจว.กัน ไปเจอร้านขายหมอนที่รู้สึกว่ามันนุ่มมือมาก สีสันก็สวยงาน ก็ถามราคามา แล้วก็เลยลองถามว่าถ้าอยากจะเป็นตัวแทนจำหน่ายต้องทำยังไงบ้าง เขาก็ให้ผมดูฉลากเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ติดมาด้วย ก็เลยไปลองสอบถามดูที่เจ้าของแบรนด์ครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ก็ได้ราคาค่อนข้างดีจริงๆ แต่พอลองเอามาขาย จะผ่านเฟสฯก็ดี ขายด้วยตัวเองก็ดี กำไรต่อชิ้นมันก็แค่ 100 เดียว แถมยังขายยากอีกตะหาก เพราะคนจะซื้อหมอนพวกนี้ได้ เขาก็ต้องได้ลองจับลองสัมผัสมันก่อน ว่านุ่มจริงนะ ไม่ใช่ของห่วยของโหลนะ สรุป รับของ lot แรกมาขาย ขายเป็นปีครับ กว่าจะขายหมด ตอนนี้ยังเหลืออยู่อีก 2 ใบเลย เอามาแจกลูกค้าม่านหมดละ
สรุป ตัวนี้ไม่ได้ทำต่อครับ ก็รับมา ขายไปหมด กว่าจะคืนทุนได้ ก็รู้ว่ามันทำให้เราร่ำรวยขึ้นมาไม่ได้หรอก ก็เลยพอครับ
ตัวที่ 3 หรือคือธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบันตอนนี้ ก็คือ "ร้านผ้าม่าน" ครับ
เรื่องนี้ยาวหน่อย ค่อยๆเล่าไปละกันนะ
เรื่องมันเริ่มจากผมกับแฟนอยากจะซื้อบ้านสักหลังมาอยู่เองครับ ก็ขยับขยายตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ได้บ้านถูกใจแล้ว ก็ติดม่านครับ มีเพื่อนแนะนำให้ร้านหนึ่ง ก็เข้าไปคุย ปรากฏว่าเจ้าของร้านคุยดีมากครับ เป็นกันเองและแฟนผมก็รู้สึกถูกชะตาด้วย ยิ่งได้ลองไปร้านผ้าม่านร้านใหญ่อีกร้านหนึ่ง ก็เจอราคาที่แพงหูฉี่ แถมพนง.ขายยังไม่ค่อยจะให้ความรู้สึกเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย แต่ร้านที่ผมเข้าไปตอนแรกไม่ใช่ครับ เราเลยตกลงทำกับร้านนี้
พองานติดตั้ง ก็ได้เจอช่างติดตั้ง ที่เจ้าของร้านบอกเลยว่าเป็นช่างที่มีฝีมือมาก แฟนผมก็เลียบๆเคียงๆไปสอบถาม พูดคุย ก็ได้ความรู้มาพอควร อีกทั้งการได้ไปกินข้าวกับเจ้าของร้าน 2-3 ครั้ง ทำให้เริ่มสนิทกันมากขึ้นไปอีก ก็มีหลุดๆเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจมาบ้าง
ผ้าม่าน ชลบุรี
หลังจากที่แฟนผมศึกษาหาความรู้อยู่นาน ก็ตัดสินใจ ใช้เงินเก็บร่วมกัน เปิดร้านผ้าม่านเล็กๆขึ้นมาร้านหนึ่งอยู่ในซอยที่ไม่ติดถนน แรกๆก็ดีครับ มีเพื่อนฝูงผลัดเวียนกันมาใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง งานก็เข้ามาเรื่อยๆ
ประกอบกับที่ผมเองก็ได้ไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ E-commerce การทำธุรกิจออนไลน์ ก็เลยได้รู้ว่า สมัยนี้ ใครที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Internet เข้ามาต่อยอดสร้างรายได้ให้กับร้านของตัวเองแล้วล่ะก็ รวยเร็วยากมากๆครับ
ผมเลยใช้โฆษณาทางเฟซบุค เพิ่มฐานลูกค้าให้กับทางร้าน จนตอนนี้ ยอดขายกว่า 90% มาจากเฟซบุคทั้งนั้นครับ อีก 10% คือลูกค้าเก่าบอกต่อบ้าง หรือพันธมิตรทางธุรกิจส่งลูกค้าต่อให้บ้างครับ
และแน่นอน ธุรกิจผ้าม่านนี้ ก็เป็นธุรกิจตัวปัจจุบันที่แฟนผมทำอยู่ โดยมีผมคอยช่วยเหลือสนับสนุนและ support เท่าที่จะทำได้ รวมแล้ว แฟนผมทำธุรกิจได้ 3 ตัว สำเร็จที่ตัวที่ 3 นี้เอง ใกล้เคียงกับสถิติเลยนะครับ ว่า ธุรกิจส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่ที่ธุรกิจตัวแรก แต่เป็นตัวที่ 3-4
สังเกตุนะครับ จุดเริ่มต้นของแฟนนั้น ไม่มีอะไรมากเลย
แค่ใช้ความสามารถทางการพูดและสื่อสารที่มี บวกกับความพยายามอย่างมากมายมหาศาล ก็เปลี่ยนให้ผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีหนี้จากทางบ้านเป็นแสนๆ ให้กลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ปลดหนี้จนหมด และสร้างรายได้มากมายให้กับตัวเองได้ในที่สุด
ผ้าม่าน ศรีราชา
จริงๆแล้วแฟนผมเขาชอบเรื่องพวกเกี่ยวกับ สปา และก็พวกสมุนไพรเสริมความงามครับ อย่างที่บอก พวกแตงกวา มะเขือเทศ ฯลฯ
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปฝังจิตฝังใจจะทำพวกนั้นให้ได้ตลอดๆ เรา adapt เอาและคอยเก็บเกี่ยวโอกาสต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้
ถ้าเธอไม่ได้คบกับผม ถ้าเราไม่ได้ซื้อบ้าน ถ้าเราไม่มีบ้านก็คงไม่ไดซื้อผ้าม่าน
ถ้าเธอไม่ได้รู้จักกับเพื่อนเธอคนนั้นที่แนะนำร้านผ้าม่านนี้ให้
ถ้าเธอไม่ได้คุยเก่ง เข้ากับคนได้ง่ายด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่น่ารัก
ทุกวันนี้ เธออาจจะยังเป็นพนักงานประจำในบริษัทสักแห่งนึงก็ได้นะครับ
เพราะงั้น ขอให้ทุกท่าน อย่าทิ้งโอกาสครับ คุยกับคนให้เยอะๆ นอบน้อมเข้าไว้ ขอความรู้เขา ครูพักลักจำ ค่อยๆเลียบเคียงถาม สื่อสารดีๆ ให้เกียรติ เป็นมิตร และมองว่าทุกอย่างเป็นไปได้ รับรองครับ ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
ฝากไว้อีกหน่อยครับ
เรื่องการเปิดร้าน
ต้องระวังเรื่อง "เงินทุน" และ "ค่าใช้จ่าย" ให้ดีด้วยนะครับ
เพราะอย่างร้านที่แฟนผมเปิดตอนแรกน่ะ มันเป็นร้านเล็กๆ ค่าเช่าแค่ 6 พัน และเราไม่มีลูกจ้างเฝ้าร้าน มันทำให้เราไม่ต้องแบกรับภาระอะไรมากมายนัก และพอเราทำมาได้สักระยะ เราถึงปรับตัวให้สามารถทำงานกันได้โดยไม่ต้องมีลูกจ้าง นั่นทำให้เราลดต้นทุนได้มากกว่าบางเจ้าที่ต้องเช่าร้านเดือนละ 2-3 หมื่น หรือต้องแต่งร้านอีกเป็นแสน
ร้านผ้าม่าน ชลบุรี
แต่ถึงจะบอกว่าต้นทุนน้อยกว่า แต่มันก็ไม่น้อยนะครับ ค่าแรงช่าง ค่าน้ำมัน ค่าสั่งของ ค่าโอนเงิน ค่าส่งของ ค่านู่นค่านี่ รวมๆแล้วต่อเดือนก็ไม่ใช่น้อยๆครับ
เลยเข้าใจเลยว่า
สำหรับธุรกิจนั้น "การควบคุมรายจ่าย" สำคัญพอๆกับ "การสร้างรายได้" นั่นเองครับ
กำไรเยอะ หนี้เพียบ ก็ไม่ไหวนะครับพี่น้องงงงงง
ไว้เดี๋ยววันหลังจะมาต่อเคสอื่นๆให้อีกทีนะครับ
มีทั้ง นายช่างในโรงงาน ผันตัวเองมาเป็น Transport Service หรือ Foreman อนาคตไกลที่ทิ้ง ego มาทำงานขายประกันรถยนต์
นอกจากนั้นก็ยังมี
สาวเจ้าเสน่ห์ที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆที่บังเอิญมีเพื่อนเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมหน้าขาว
หรือหนุ่มวิศวกรอนาคตไกลที่เบื่อการทำงานองค์กรใหญ่ ออกมาเป็นเจ้าของบริษัทให้เช่ารถ
หรือ....
โอ้ยยย มีอีกเยอะครับ
ติดตามต่อได้อีกทีภายหน้านะครับผม ^^
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ถ้าจะให้ผมบอกสูตรลับความสำเร็จเลย ก็คงจะไม่ไหวล่ะครับ เพราะผมเองก็ไม่ใช่เทพเจ้าตัวพ่อธุรกิจร้อยล้านพันล้านที่ไหน ยังทำงานประจำเป็นลูกจ้างเขาอยู่เลยด้วยซ้ำ
ผ้าม่าน ศรีราชา
แต่ผมสามารถแชร์เรื่องราวต่างๆของคนใกล้ตัวที่ทำธุรกิจจนไม่ล้มเหลว (ใช้คำนี้ครับ เพราะผมไม่รู้ว่าคำว่าสำเร็จของแต่ละคนมันเท่ากันหรือเปล่า) เอามาเล่าสู่ให้ทุกท่านฟังกันได้
เพราะฉะนั้น โพสนี้ จะเป็นการแชร์เรื่องราวต่างๆของคนที่ผมเคยรู้จักผ่านพบมาละกันนะครับ สนิทบ้างไม่สนิทบ้างไม่เป็นไรครับ ฟังเป็นวิทยาทานละกันนะครับ
คนแรก : ขอเป็นคนที่ใกล้ตัวที่สุด "แฟนผมเอง" ครับ
แต่ก่อนเธอเป็นพนง.บริษัท ทำงานเกี่ยวกับบัญชี ด้วยความที่หน้าตาน่ารักและช่างพูดช่างจา ทำให้ได้รู้จักกับผู้คนที่มาวางบิลอย่างมากหน้าหลายตา
เธอได้คบกับผมหลังจากที่เธอลาออกจากงานที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และเธอก็เริ่มสนใจธุรกิจเล็กๆหลายตัว แต่ก็เหมือนคนอื่นทั่วๆไปที่ยังไม่เข้าใจธุรกิจ ซึ่งส่วนมาก ตั้งโจทย์ที่การ "เปิดร้าน" เล็กๆสักร้านแล้วก็ดำเนินธุรกิจไป
ธุรกิจตัวแรกของเธอคือ "ขายครีม" บำรุงผิวยี่ห้อหนึ่ง จริงๆก่อนหน้านั้นเธอชอบพวกสปา หรืออะไรที่เกี่ยวกับนวดหน้า นวดผิว นวดตัว ที่เป็นของจากธรรมชาติ อย่างพวก มะเขือเทศ แตงกวา ขมิ้น อะไรที่เป็นของจากธรรมชาติน่ะ เธอชอบนัก
ผมเองก็ไม่ได้ขัดเธอเท่าไหร่ เพราะการขายครีมนั้น ขายผ่านเน็ต และก็ใช้เฟสบุคเป็นสื่อกลางการเข้าถึงลูกค้า แต่ถ้าจะเปิดร้านนวดสปา มันต้องมีทุนสักก้อน หาเช่าร้าน แต่งร้าน เรียนวิธีนวด ซึ่งเราไม่ได้คิดกันไปได้ไกลอะไรขนาดนั้น
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
การขายครีมก็ทำได้เรื่อยๆ ผ่านไปสองสามเดือน กำไรต่อเดือนอยู่ที่เดือนละประมาณ 2-3 พันบาท จริงๆก็กะจะทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ติดที่ว่า "แผนการตลาด" ของสินค้าตัวนี้นั้น เจ้าของแบรนด์เขาวางมาให้มันเกิดความไม่เท่าเทียมกันในตัวแทนจำหน่ายเท่าไหร่
พูดง่ายๆก็คือ การจะได้กำไรที่มากขึ้น ก็ต้องสั่งของในปริมาณที่มากขึ้นด้วย มีตัวแทนระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับภาค และการจะได้กำไรสูงๆหลักหมื่นนั้น ก็ต้องเป็นตัวแทนระดับภาคขึ้นไป
ระหว่างที่แฟนผมทำธุรกิจตัวนี้ ก็เจออะไรหลายๆอย่างที่ไม่ค่อยจะพึงใจชอบนัก อย่างเช่น
ตัวแทนจำหน่ายคนอื่น รวมถึงหัวหน้าทีมของแฟนผม ใช้เฟสบุคส่วนตัวเป็นช่องทางการติดต่อกับลูกค้า ปัญหาคือ หลายๆครั้ง หัวหน้าทีมจะบ่นและพิมพ์คำหยาบคายต่างๆนานาลงไปในเฟสฯนั้นด้วย
ซึ่งผมกับแฟนก็ไม่เข้าใจว่า ในนั้นมีลูกค้าอยู่นะ มันไม่ได้เป็นพื้นที่สาธารณะให้เราจะพูดอะไรก็พูดได้หรือเปล่า เวลาไม่พอใจหงุดหงิด ก็จัดเต็มลงเฟซฯแบบไม่ไว้หน้าใคร ทั้งแฟนผมและผมก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่เรื่องที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่า มันไม่น่าจะใช่ธุรกิจที่ดีที่สุดสำหรับเราอีกแล้ว ก็คือเหตุการณ์งานเลี้ยงฉลองครบรอบของเจ้าของแบรนด์ครั้งหนึ่ง
ในงานนั้นจั่วหัวไว้ว่า มีของรางวัล แจกทอง แจกรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง แจกนั่นแจกนี่ เยอะมากๆ
และที่สำคัญ การใส่ตั๋วเพื่อจับฉลากนั้น จะใส่ได้แค่ "คนละใบ" เท่านั้น หากใครมียอดเกิน และได้ตั๋วมากเกินกว่าตัวเอง 1 ใบ ก็จะต้องพาคนอื่นไปหรือให้สิทธิ์คนอื่นในการใช้ตั๋วนั้นเอง
ผ้าม่าน
หลังจากที่พยายามทำยอดจนได้ตั๋วมา 3 ใบ แฟนผมก็ชวนผมไปด้วย พร้อมด้วยพ่วงน้องอีกคนที่สนิทด้วยไป เพราะไม่อยากเสียโอกาส
ที่งานนั้นเราได้เห็นการจัดงานหรูหราระดับหนึ่ง และในกล่องจับรางวัลก็มีฉลากหรือตั๋วปริมาณมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมสังเกตุดูก็เห็นว่า คนๆหนึ่งนั้นหยอดตั๋วลงกล่องมากกว่าคนละ 10 ใบ บางคนเป็นร้อยๆใบ ผมก็คิดว่า โอเค คงจะขอให้ตัวเองได้สักรางวัล และพอจับมาแล้ว ถ้ามันซ้ำ ก็คงต้องให้คนอื่นไป
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น
ทุกคนมองภาพออกใช่มั้ยครับว่าอะไรเกิดขึ้น
ใช่ครับ คนที่ได้รางวัล ก็ได้อยู่อย่างนั้น จับขึ้นมาทีละ 10-20 ใบ พูดชื่อ มีแต่ชื่อซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
รวมไปถึงรางวัลที่ 1 ก็เป็นชื่อเดิมกับคนเดียวที่ได้ทองไปหลายสิบบาท
บอกก่อนครับ คนที่ได้ทองไปหลายสิบบาทนั้น ไม่ได้มีแค่คนเดียวนะครับ แต่มีหลายคนมาก ส่วนใหญ่พวกเขาก็รู้จักกัน คิดว่าคงจะเป็นคนที่ทำธุรกิจมาด้วยกันสักระยะหนึ่งแล้ว ได้ร่วมงานกันเป็นเวลานาน ก็เลยรู้จักกันดี ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนระดับอำเภอกับระดับภาค
ผ้าม่าน ราคาถูก
ผมกับแฟนก็งงสิครับ จะให้พวกผมถ่อมาที่งานทำไม ค่าน้ำมันค่าชุดไม่ใช่ถูกๆ ถ้ารู้แบบนี้ เป็นคุณจะมามั้ยครับ มีตั๋ว 3 ใบ กับคนอื่นที่มียอดรวมแล้วหยอดตั๋วได้คนละ 2-300 ใบ แถมรางวัลก็เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีกอยู่อย่างนั้น
แน่นอนครับ พวกผม 3 คนไม่ได้อะไรกลับมาจากงานวันนั้น
ระหว่างที่เราขับรถกลับ เราก็คุยกันครับ ผมให้ความเห็นไว้อย่างหนึ่งว่า
"ธุรกิจอะไรก็ตาม ที่มันให้ความรู้สึก -ยุติธรรม- กับบุคลากรทุกตำแหน่งไม่ได้ ธุรกิจนั้นไม่น่าทำเท่าไหร่นะ"
คือ ต้องบอกก่อนครับ ผมเอง เป็นคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อกับแม่ทำธุรกิจ "ขายตรง" ครับ
หรือ MLM นั่นเอง
ธุรกิจตัวนั้นคือ Amway ครับ พูดเลยไม่มีเม้ม
ผมไม่ได้ออกมาเชียร์ Amway หรือด่าเขาแต่อย่างใดครับ
แม่ผมน่ะ เป็นพวก "Amway เข้าสายเลือด" คือ ทุกลมหายใจของเธอนั้นคือธุรกิจตัวนี้ครับ
ทำมาหลายสิบปีมาก ตั้งแต่มันเข้ามาในไทยใหม่ๆ
ผมไม่มีทางเกลียด Amway ได้ครับ เพราะถ้าไม่มีธุรกิจตัวนี้ บ้านผมคงจะลำบากกว่านี้มากครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมันหลายๆข้อ ก็สำคัญมากๆครับ ผมจะสรุปให้ฟังอีกทีในโพสอื่นๆนะครับ
ร้านผ้าม่าน ราคาถูก
ส่วนสิ่งหนึ่งที่ผมว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือ "ความยุติธรรม" ครับ
ธุรกิจใดๆก็ตาม ที่ให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งหรือรายได้ให้กับทั้งตัวเราและเจ้าของแบรนด์นั้น ต้องมีความยุติธรรม
ยุติธรรมแบบไหน
ก็แบบที่ว่า "มาก่อนมาหลังไม่เกี่ยว ถ้ามีความสามารถ ก็มีรายได้แซงคนที่มาก่อนได้"
"เริ่มต้น ต้องเท่ากัน แต่วัดกันที่ความสามารถ ไม่ใช่ว่าใครรวยกว่า ก็ซื้อของทำยอด หรือจ่ายเงินเยอะกว่าแล้วได้ส่วนลดมากกว่า"
ถ้าเจอธุรกิจตัวไหนที่ "ไม่ยุติธรรม" แล้วล่ะก็
ไม่ควรทำครับ
ครีมที่แฟนผมขาย ยอมรับครับว่าของเขาก็น่าจะดีจริงๆ เห็นแฟนชอบอยู่
แต่พอเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย ด้วยความพยายามของแฟนผม ความทุ่มเท และตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้สินค้าและขายของ แต่พอมาเจอ "นโยบาย" ของเจ้าของผลิตภัณฑ์ ก็ทำเอาหงายเงิบครับ
เพราะไอ้งานเลี้ยงที่ว่านั่น มันเหมือน "งานเลี้ยงที่จัดเพื่อพวกเดียวกัน" อย่างเห็นได้ชัด
ใครที่ไปร่วมงานแล้วหวังว่าจะได้รางวัลบ้าง แต่ส่งฉลากได้ไม่กี่สิบใบ ก็ไม่น่าจะได้ของรางวัลหรอกครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ลองนึกภาพสิครับ คนมาเข้างานเหมือนกัน แต่คนไม่กี่คนได้รางวัลหอบกลับบ้านจนล้น อีกหลายคน มากินฟรีแล้วก็กลับ
คือ ถ้าจะมีเงื่อนไขแบบนี้ ทำไมไม่เคลียร์หัวข้อแต่แรกครับ ว่า "1 คนหยอดตั๋วกี่ใบก็ได้นะ"
จะได้ไม่ต้องไปกัน
นั่นคือจุดจบธุรกิจแรกของแฟนผมครับ เธอไม่ได้รู้สึกอยากจะทำต่อไปเท่าไหร่ ก็เลยเงียบๆหายไป แล้วก็มองหาตัวอื่น
ธุรกิจที่ 2 คือ "หมอน" ครับ
เราไปเที่ยว ตจว.กัน ไปเจอร้านขายหมอนที่รู้สึกว่ามันนุ่มมือมาก สีสันก็สวยงาน ก็ถามราคามา แล้วก็เลยลองถามว่าถ้าอยากจะเป็นตัวแทนจำหน่ายต้องทำยังไงบ้าง เขาก็ให้ผมดูฉลากเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ติดมาด้วย ก็เลยไปลองสอบถามดูที่เจ้าของแบรนด์ครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ก็ได้ราคาค่อนข้างดีจริงๆ แต่พอลองเอามาขาย จะผ่านเฟสฯก็ดี ขายด้วยตัวเองก็ดี กำไรต่อชิ้นมันก็แค่ 100 เดียว แถมยังขายยากอีกตะหาก เพราะคนจะซื้อหมอนพวกนี้ได้ เขาก็ต้องได้ลองจับลองสัมผัสมันก่อน ว่านุ่มจริงนะ ไม่ใช่ของห่วยของโหลนะ สรุป รับของ lot แรกมาขาย ขายเป็นปีครับ กว่าจะขายหมด ตอนนี้ยังเหลืออยู่อีก 2 ใบเลย เอามาแจกลูกค้าม่านหมดละ
สรุป ตัวนี้ไม่ได้ทำต่อครับ ก็รับมา ขายไปหมด กว่าจะคืนทุนได้ ก็รู้ว่ามันทำให้เราร่ำรวยขึ้นมาไม่ได้หรอก ก็เลยพอครับ
ตัวที่ 3 หรือคือธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบันตอนนี้ ก็คือ "ร้านผ้าม่าน" ครับ
เรื่องนี้ยาวหน่อย ค่อยๆเล่าไปละกันนะ
เรื่องมันเริ่มจากผมกับแฟนอยากจะซื้อบ้านสักหลังมาอยู่เองครับ ก็ขยับขยายตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ได้บ้านถูกใจแล้ว ก็ติดม่านครับ มีเพื่อนแนะนำให้ร้านหนึ่ง ก็เข้าไปคุย ปรากฏว่าเจ้าของร้านคุยดีมากครับ เป็นกันเองและแฟนผมก็รู้สึกถูกชะตาด้วย ยิ่งได้ลองไปร้านผ้าม่านร้านใหญ่อีกร้านหนึ่ง ก็เจอราคาที่แพงหูฉี่ แถมพนง.ขายยังไม่ค่อยจะให้ความรู้สึกเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย แต่ร้านที่ผมเข้าไปตอนแรกไม่ใช่ครับ เราเลยตกลงทำกับร้านนี้
พองานติดตั้ง ก็ได้เจอช่างติดตั้ง ที่เจ้าของร้านบอกเลยว่าเป็นช่างที่มีฝีมือมาก แฟนผมก็เลียบๆเคียงๆไปสอบถาม พูดคุย ก็ได้ความรู้มาพอควร อีกทั้งการได้ไปกินข้าวกับเจ้าของร้าน 2-3 ครั้ง ทำให้เริ่มสนิทกันมากขึ้นไปอีก ก็มีหลุดๆเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจมาบ้าง
ผ้าม่าน ชลบุรี
หลังจากที่แฟนผมศึกษาหาความรู้อยู่นาน ก็ตัดสินใจ ใช้เงินเก็บร่วมกัน เปิดร้านผ้าม่านเล็กๆขึ้นมาร้านหนึ่งอยู่ในซอยที่ไม่ติดถนน แรกๆก็ดีครับ มีเพื่อนฝูงผลัดเวียนกันมาใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง งานก็เข้ามาเรื่อยๆ
ประกอบกับที่ผมเองก็ได้ไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ E-commerce การทำธุรกิจออนไลน์ ก็เลยได้รู้ว่า สมัยนี้ ใครที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Internet เข้ามาต่อยอดสร้างรายได้ให้กับร้านของตัวเองแล้วล่ะก็ รวยเร็วยากมากๆครับ
ผมเลยใช้โฆษณาทางเฟซบุค เพิ่มฐานลูกค้าให้กับทางร้าน จนตอนนี้ ยอดขายกว่า 90% มาจากเฟซบุคทั้งนั้นครับ อีก 10% คือลูกค้าเก่าบอกต่อบ้าง หรือพันธมิตรทางธุรกิจส่งลูกค้าต่อให้บ้างครับ
และแน่นอน ธุรกิจผ้าม่านนี้ ก็เป็นธุรกิจตัวปัจจุบันที่แฟนผมทำอยู่ โดยมีผมคอยช่วยเหลือสนับสนุนและ support เท่าที่จะทำได้ รวมแล้ว แฟนผมทำธุรกิจได้ 3 ตัว สำเร็จที่ตัวที่ 3 นี้เอง ใกล้เคียงกับสถิติเลยนะครับ ว่า ธุรกิจส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่ที่ธุรกิจตัวแรก แต่เป็นตัวที่ 3-4
สังเกตุนะครับ จุดเริ่มต้นของแฟนนั้น ไม่มีอะไรมากเลย
แค่ใช้ความสามารถทางการพูดและสื่อสารที่มี บวกกับความพยายามอย่างมากมายมหาศาล ก็เปลี่ยนให้ผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีหนี้จากทางบ้านเป็นแสนๆ ให้กลายเป็นสาวนักธุรกิจที่ปลดหนี้จนหมด และสร้างรายได้มากมายให้กับตัวเองได้ในที่สุด
ผ้าม่าน ศรีราชา
จริงๆแล้วแฟนผมเขาชอบเรื่องพวกเกี่ยวกับ สปา และก็พวกสมุนไพรเสริมความงามครับ อย่างที่บอก พวกแตงกวา มะเขือเทศ ฯลฯ
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปฝังจิตฝังใจจะทำพวกนั้นให้ได้ตลอดๆ เรา adapt เอาและคอยเก็บเกี่ยวโอกาสต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้
ถ้าเธอไม่ได้คบกับผม ถ้าเราไม่ได้ซื้อบ้าน ถ้าเราไม่มีบ้านก็คงไม่ไดซื้อผ้าม่าน
ถ้าเธอไม่ได้รู้จักกับเพื่อนเธอคนนั้นที่แนะนำร้านผ้าม่านนี้ให้
ถ้าเธอไม่ได้คุยเก่ง เข้ากับคนได้ง่ายด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่น่ารัก
ทุกวันนี้ เธออาจจะยังเป็นพนักงานประจำในบริษัทสักแห่งนึงก็ได้นะครับ
เพราะงั้น ขอให้ทุกท่าน อย่าทิ้งโอกาสครับ คุยกับคนให้เยอะๆ นอบน้อมเข้าไว้ ขอความรู้เขา ครูพักลักจำ ค่อยๆเลียบเคียงถาม สื่อสารดีๆ ให้เกียรติ เป็นมิตร และมองว่าทุกอย่างเป็นไปได้ รับรองครับ ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
ฝากไว้อีกหน่อยครับ
เรื่องการเปิดร้าน
ต้องระวังเรื่อง "เงินทุน" และ "ค่าใช้จ่าย" ให้ดีด้วยนะครับ
เพราะอย่างร้านที่แฟนผมเปิดตอนแรกน่ะ มันเป็นร้านเล็กๆ ค่าเช่าแค่ 6 พัน และเราไม่มีลูกจ้างเฝ้าร้าน มันทำให้เราไม่ต้องแบกรับภาระอะไรมากมายนัก และพอเราทำมาได้สักระยะ เราถึงปรับตัวให้สามารถทำงานกันได้โดยไม่ต้องมีลูกจ้าง นั่นทำให้เราลดต้นทุนได้มากกว่าบางเจ้าที่ต้องเช่าร้านเดือนละ 2-3 หมื่น หรือต้องแต่งร้านอีกเป็นแสน
ร้านผ้าม่าน ชลบุรี
แต่ถึงจะบอกว่าต้นทุนน้อยกว่า แต่มันก็ไม่น้อยนะครับ ค่าแรงช่าง ค่าน้ำมัน ค่าสั่งของ ค่าโอนเงิน ค่าส่งของ ค่านู่นค่านี่ รวมๆแล้วต่อเดือนก็ไม่ใช่น้อยๆครับ
เลยเข้าใจเลยว่า
สำหรับธุรกิจนั้น "การควบคุมรายจ่าย" สำคัญพอๆกับ "การสร้างรายได้" นั่นเองครับ
กำไรเยอะ หนี้เพียบ ก็ไม่ไหวนะครับพี่น้องงงงงง
ไว้เดี๋ยววันหลังจะมาต่อเคสอื่นๆให้อีกทีนะครับ
มีทั้ง นายช่างในโรงงาน ผันตัวเองมาเป็น Transport Service หรือ Foreman อนาคตไกลที่ทิ้ง ego มาทำงานขายประกันรถยนต์
นอกจากนั้นก็ยังมี
สาวเจ้าเสน่ห์ที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆที่บังเอิญมีเพื่อนเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมหน้าขาว
หรือหนุ่มวิศวกรอนาคตไกลที่เบื่อการทำงานองค์กรใหญ่ ออกมาเป็นเจ้าของบริษัทให้เช่ารถ
หรือ....
โอ้ยยย มีอีกเยอะครับ
ติดตามต่อได้อีกทีภายหน้านะครับผม ^^
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
คิดจะเปิดร้านผ้าม่าน อ่านข้อมูลจากคุณแล้วได้กำลังใจและได้แนวทางเยอะเลยค่ะ
ตอบลบ