การเริ่มต้นธุรกิจ : ตัวอย่างจากคนใกล้ตัว - รัชนาผ้าม่าน ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
วันนี้ก็ยังเป็น "การเริ่มต้น" อีกเหมือนกันครับ
สำหรับใครที่คิดจะ "เริ่มธุรกิจ" ให้ได้
ผมแนะนำเรื่องราว "เล็กๆ" เหล่านี้ครับ
คนส่วนใหญ่ มองภาพ "ความสำเร็จ" เป็นเหมือน "Stadium อลังการ" ครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
คือ พวกเขาชอบมองว่า "ความสำเร็จ" นั้น หน้าตามันเป็นยังไง
เป็นเหมือนที่หลายๆคนชอบมาแชร์หรือลงข่าวการสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง หรือสาวน้อยผู้ฟื้นตัวจากความล้มเหลวในชีวิต หรือเหล่าคนสู้ชีวิตที่ตอนท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาได้มี "สิ่งที่คุณเห็นๆกันอยู่"
แต่คนส่วนมากไม่ได้มองครับ ว่า "การเริ่มต้น" นั้น มันแตกต่างออกไปมากนัก
ผมเชื่อว่า ถ้าคุณลองไปหาอ่านดูดีๆ ก็จะพบความจริงมากมายว่า คนที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้น ล้วนเริ่มต้นจาก "สิ่งเล็กๆ" ที่ตอนแรกแทบจะไม่มีใครเห็นค่ามันเลยทั้งสิ้น
บ้างก็โดนดูถูก หรือกดดันจากคนรอบข้าง
แต่พอปลายทางในท้ายที่สุด
ความ "สำเร็จ" ที่ "ยิ่งใหญ่" ก็ได้มาปรากฏให้เราได้เห็น ผ่านทางสื่อ social ต่างๆ
ผมอยากจะบอกให้ทุกคน "เริ่ม" จากอะไรที่ "เล็กๆ" กันก่อนครับ
อย่าไปมองที่ภาพใหญ่แต่ตอนแรก
มันจะท้อ มันจะไปไม่เป็น มันจะรู้สึกว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก"
ยกตัวอย่างนะครับ
รุ่นน้องผมคนนึงในบริษัท
แรกเริ่มเดิมที ก็เป็นพนง.ดีเด่นนี่แหละ
ดีเด่นคือ อยู่โอทีแทบจะตลอดเวลา
เดือนที่พีคๆหน่อย กดโอทีไปร่วม 100 ชม.ต่อเดือน
ถ้าทำงาน 30 วัน ก็ตกประมาณ วันละ 2 ชม.กว่าแน่นอน
รวมวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้หยุดพักอีก จบเดือน ก็ได้เป็นร้อยๆชม.
แน่นอนครับ รายได้จากเงินค่าโอที ย่อมมากกว่าคนที่ได้เงินเดือนเท่ากันแน่นอน
ร้านผ้าม่าน ราคาถูก
แต่ถามว่า ทำแบบนี้แล้ว ทำได้ตลอดทุกวันทุกเดือนทุกปีหรือเปล่า
หรือแม้แต่คำถามง่ายๆอย่าง "จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่"
ก็สร้างคำถามง่ายๆแต่ตอบยากให้กับพนง.กินเงินเดือนอย่างเราๆกันแทบทุกคน
ใครทำงาน บริษัทมีโอที ก็ทำกันจนเบื่อไปข้าง
บริษัทใครไม่มีโอที ก็ไม่ไหว รายได้ไม่ขึ้น หางานใหม่ทำดีกว่า ย้ายงานย้ายบริษัท เพื่อไปทำโอที
เหมือนว่า "สัจธรรม" มันจะค่อยๆก่อเกิดขึ้นมาเอง
ถ้าคุณลองใช้ชีวิตแบบ "สุดติ่ง" ไปทางด้านใดด้านหนึ่ง จนความสมดุลในชีวิตมันเสียไป
ถ้าคุณคิดได้ คุณจะหันมาถามตัวเองเหมือนที่ผมถามไปนี่แหละครับ
ว่า "เราจะทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน?"
มันไม่ใช่ว่า "ทำงานประจำไปเรื่อยๆก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ของฉันได้"
ถ้าคุณเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ มันแล้วแต่คน
แต่กับน้องผมคนนี้ เขาถามตัวเองง่ายๆแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ได้คำตอบว่า ตัวเองจะทำโอทีให้ร่างกายบี้แบนแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว
มันได้ไม่คุ้มเสีย
แถมเพดานรายได้ ก็มีแค่ ชม. ที่เราสามารถทุ่มเทไปอยู่ที่บริษัทได้
บางครั้ง กะจะฟันโอทียาวๆ พี่แกก็เล่นออกจากบ้านตั้งแต่เช้าวันเสาร์ (ทำโอวันหยุดได้ 3 แรง) ไปทำงานที่บริษัท แล้วลากยาวถึงเที่ยงคืน เผลอๆ ล่อจนเช้า ควบกะเลยถึงวันอาทิตย์เช้า แล้วค่อยกลับบ้านมานอนวันอาทิตย์ทั้งวัน ตกเย็นหาอะไรกิน แล้วนอนต่อ ตื่นมาทำงานวันจันทร์
ผมเองก็เคยเข้ากะดึกครับ ตอนนั้นโรงงานกำลังเริ่มต้นใหม่ๆ
project ของญี่ปุ่นต้อง launch แล้ว สัปดาห์หน้า แต่อะไรๆมันยังไม่พร้อมเลย
จะปล่อยให้เด็กอยู่ทำกันเองก็กลัวจะแก้ปัญหากันไม่ได้
หัวหน้าผมเลยสั่งให้ผมเข้ากะซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ผ้าม่าน ราคาถูก
ผมต้องตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเย็น หาอะไรง่ายๆกิน แล้วออกจากบ้านมาตอนเกือบๆจะทุ่มตรง เข้าโรงงานก่อน 2 ทุ่ม แล้วก็ทำงานลากยาวถึง 8 โมงเช้า
ซึ่งการประชุมเช้าเพื่อต่อกะมันก็มีอยู่ แต่ปัญหาหลายๆปัญหา ก็ต้องไปคุยกันในประชุมใหญ่กว่านั้นที่จัดตอน 10 โมง กลายเป็นบางครั้ง ผมต้องอยู่ถึงประชุมนั้นเสร็จ ก็ปาไปเกือบเที่ยง
บางวันไม่ไหว ก็รายงานเสร็จ 10 โมงครึ่ง ผมก็ขอตัวกลับก่อนเลย
ทำได้เดือนเดียว เข้าแต่กะกลางคืนๆ ตัวเหลืองสิครับ
อวัยวะภายในเรามันไม่ได้ออกแบบมาให้ตื่นกลางคืนหลับกลางวัน
ยิ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อย ห้องเช่าก็มีแต่พัดลม
ก็ข่มตาหลับขับตานอนกันให้ได้เท่าที่จะอำนวย
กลับมาเรื่องรุ่นน้องผมต่อ (จะออกทะเลไปทำเพื่อ....)
น้องผมคนนี้ก็เลยคิดหาทาง "หางานเสริม"
เพื่อจะสร้างรายได้เพิ่มให้ตัวเองอีกทางหนึ่ง
จริงๆไอ้เด็กคนนี้มันก็คิดเหมือนคนอื่นนั่นแหละครับ
ว่า "อยากรวย"
ก็เลยทำโอทีแบบตะบี้ตะบัน
แต่พอทำจนสุด มันก็ไม่ไหว
ก็ต้องมาหาทางอื่นกันใหม่
หันไปหันมา เจอรถกระบะตัวเอง
ก็เลยไปลองถามๆดูว่า พอจะมีงาน "ขนของ" ที่ใช้รถกระบะของตัวเองได้มั้ย
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ก็ไปได้งาน "ส่งไก่" ไก่ที่ตายแล้ว ยังไม่ตาย ของฟาร์ม หรือโรงเชือด หรืออะไรพวกนั้น
ก็ขับรถขนส่งไป
ช่วงแรก ก็เริ่มจากทำวันเสาร์อาทิตย์ ก็ได้รายได้ค่อนข้างดี
ไปๆมาๆ นายจ้าง ก็ถามว่า วันธรรมดาส่งได้มั้ย
ไอ้หมอนี่ก็เลยบอกว่า ถ้าช่วงเย็นล่ะก็พอได้ เพราะมองดูแล้ว หักค่าใช้จ่ายต่อรอบ วันๆนึงกำไรมากกว่าทำโอทีที่โรงงาน
ก็เลยรับจ๊อบ หลังเลิกงาน ไปวิ่งส่งไก่ จากระยอง ไปกรุงเทพ กลับระยอง อาทิตย์ละ 3-4 วัน ไม่รวมวันเสาร์อาทิตย์
รายได้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ สร้างเงินเก็บให้เพิ่มขึ้น พอมีเงินเก็บมากเข้าๆ ก็เลยไปถอยกระบะคันที่สองมา แล้วก็กะจะหาคนขับรถ ก็พอดีกับคุณพ่อเขาเอง สนใจอยากจะทำด้วย ก็เลยได้ร่วมงานกันกะพ่อตัวเอง
หักค่าใช้จ่ายรวมค่าจ้างขับรถให้พ่อแล้วก็ยังกำไรอยู่ เก็บไปเรื่อยๆ ก็มากพอจะส่งค่างวดรถให้ตัวเองได้อีก และยังเหลือกำไรอีกด้วย
ทำไปสักพัก ก็ปิดรถกระบะสองคันได้หมด
project ถัดมาก็เลยกลายเป็น "การขยายกิจการ"
เจ้าหมอนี่เลยไปหาซื้อ รถหกล้อ มาเพิ่มอีกคัน
เพื่อนๆได้ฟังก็ทำปากจู๋ร้อง "ตู้วหูวววว" กันไปตามๆกันหมด
เพราะรถหกล้อ คันนึงมันไม่ใช่ 8-9 แสนเหมือนรถกระบะ
แต่คันนึงมันเป็น 1-3 ล้าน แล้วแต่รุ่นและระดับ
ผ้าม่าน ชลบุรี
เจ้าหมอนี่ส่ายหน้าบอก "เปล่าๆไม่ใช่ๆ" 6 ล้อคันแรก เป็น "มือสอง" ราคาคันละไม่กี่แสนเท่านั้น
ก็เลยได้เริ่มขนส่งไก่ด้วยรถ 6 ล้อมาตั้งแต่นั้น
ทำไปทำมา ไก่ที่รับไปรับมา ก็มีปริมาณมากขึ้น
พอลองไปติดต่อช่องทางกับทางเซเว่น ก็มีการจ้าง outsource ให้ผู้รับจ้างภายนอกวิ่งงานให้ด้วย ตามเงื่อนไขของเขานะ
เจ้าหมอนี่ก็เลยไปรับงานเซเว่นฯมาด้วยอีกทาง
ทำไปทำมา กำไรที่ได้ก็มากพอจนสร้าง statement ดีๆได้
น้องชายที่ต่างจังหวัด เห็นช่องทางทำมาหากิน ก็เลยมาของานทำด้วย
เจ้าหมอนี่ก็เลยตัดสินใจ ไปถอยรถ 6 ล้อคันที่สองมาอีกคัน
จนตอนนี้ ทำงานกันทั้งครอบครัว บวกกับจ้างคนนอกมาด้วย
ล่าสุดผมเพิ่มเห็นว่าน้องคนนี้ เพิ่งปิดไฟแนนซ์รถ 6 ล้อคันแรกไปหมดแล้ว
จากกำไรที่หักส่วนต่างทั้งหมด ก็น่าจะสร้างรายได้เสริมให้หมอนี่ได้เดือนๆนึงไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาท
มากกว่ารายได้จากงานประจำที่เคยทำมาเสียอีก แม้จะทำโอทีเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางเลยที่จะหารายได้ได้มากขนาดนี้
ผ้าม่าน ศรีราชา
จากการวิ่งรถขนไก่ เดือนละไม่กี่พัน
ค่อยๆต่อยอดไปเรื่อยๆ หาลูกค้าก่อนค่อยลงทุนเพิ่ม ใช้ความสามารถด้านการทำงานบริษัท ค่อยๆปรับปรุงระบบเล็กๆของทีมงานตัวเอง เลือกคนทำงานที่ไว้ใจได้อย่างครอบครัวมาช่วย
ผ่านไปไม่นานก็สร้างรายได้ได้มากจนเพื่อนรุ่นเดียวกันอิจฉาตาร้อน
อีกไม่นาน หมอนี่คงจะต้องเลือก ว่าจะทำงานบริษัทแล้วมีรายได้เสริมหลายหมื่นต่อไป
หรือจะออกไปเพื่อจับรายได้หลักแสนต่อเดือนดีกว่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน
ผมว่า "เขามาถูกทาง"
จริงไหมครับ...?
--------------------------------
เห็นมั้ยครับ จากตัวอย่างของน้องผม เขาเริ่มต้นจากจุดเล็กๆจริงๆ
ค่อยๆหาทาง ค่อยๆขยับขยาย ค่อยปรับปรุง หางานเพิ่ม และค่อยลงทุนเพิ่มทีละนิดๆ จนตอนนี้ แม้จะยังไม่ถึงปลายทาง แต่ก็มาได้ไกลกว่าที่ตัวเขาคิดไว้เยอะมาก
ร้านผ้าม่านชลบุรี
ต่อไป จะทำอะไร ก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะตอนนี้ เขาสามารถสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้มากกว่าเดือนละหลายหมื่น
อ้อ...เกือบลืมบอกไป ทั้งหมดที่น้องผมคนนี้ทำมาตั้งแต่เริ่มขับรถกระบะส่งไก่จนมีรถบรรทุก 2 คัน
ใช้เวลาไปประมาณ 3 ปีเท่านั้นครับ
เทียบกันแล้ว 3 ปีในชีวิตนี้ มันจะเปลี่ยนชีวิตรุ่นน้องผมคนนี้และครอบครัวเขาไปอีกนานแสนนานครับ
หวังว่าทุกท่าน จะมองเห็นนะครับ
ว่า "จุดเริ่มต้น" สำคัญพอๆกับ "จุดปลายทาง"
ซึ่ง "ปลายทาง" ที่เราเห็นตอนนี้ สำหรับเจ้าตัวเขาเอง มันอาจจะเป็นแค่ "ระหว่างทาง" ก็ได้
แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ
เริ่มต้นที่ "จุดเล็กๆ" ก่อน
แล้วเดี๋ยวถ้ามัน "work"
จุดที่ใหญ่กว่า มันจะปรากฏให้เราเห็นเองครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
สำหรับใครที่คิดจะ "เริ่มธุรกิจ" ให้ได้
ผมแนะนำเรื่องราว "เล็กๆ" เหล่านี้ครับ
คนส่วนใหญ่ มองภาพ "ความสำเร็จ" เป็นเหมือน "Stadium อลังการ" ครับ
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
คือ พวกเขาชอบมองว่า "ความสำเร็จ" นั้น หน้าตามันเป็นยังไง
เป็นเหมือนที่หลายๆคนชอบมาแชร์หรือลงข่าวการสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง หรือสาวน้อยผู้ฟื้นตัวจากความล้มเหลวในชีวิต หรือเหล่าคนสู้ชีวิตที่ตอนท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาได้มี "สิ่งที่คุณเห็นๆกันอยู่"
แต่คนส่วนมากไม่ได้มองครับ ว่า "การเริ่มต้น" นั้น มันแตกต่างออกไปมากนัก
ผมเชื่อว่า ถ้าคุณลองไปหาอ่านดูดีๆ ก็จะพบความจริงมากมายว่า คนที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้น ล้วนเริ่มต้นจาก "สิ่งเล็กๆ" ที่ตอนแรกแทบจะไม่มีใครเห็นค่ามันเลยทั้งสิ้น
บ้างก็โดนดูถูก หรือกดดันจากคนรอบข้าง
แต่พอปลายทางในท้ายที่สุด
ความ "สำเร็จ" ที่ "ยิ่งใหญ่" ก็ได้มาปรากฏให้เราได้เห็น ผ่านทางสื่อ social ต่างๆ
ผมอยากจะบอกให้ทุกคน "เริ่ม" จากอะไรที่ "เล็กๆ" กันก่อนครับ
อย่าไปมองที่ภาพใหญ่แต่ตอนแรก
มันจะท้อ มันจะไปไม่เป็น มันจะรู้สึกว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก"
ยกตัวอย่างนะครับ
รุ่นน้องผมคนนึงในบริษัท
แรกเริ่มเดิมที ก็เป็นพนง.ดีเด่นนี่แหละ
ดีเด่นคือ อยู่โอทีแทบจะตลอดเวลา
เดือนที่พีคๆหน่อย กดโอทีไปร่วม 100 ชม.ต่อเดือน
ถ้าทำงาน 30 วัน ก็ตกประมาณ วันละ 2 ชม.กว่าแน่นอน
รวมวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้หยุดพักอีก จบเดือน ก็ได้เป็นร้อยๆชม.
แน่นอนครับ รายได้จากเงินค่าโอที ย่อมมากกว่าคนที่ได้เงินเดือนเท่ากันแน่นอน
ร้านผ้าม่าน ราคาถูก
แต่ถามว่า ทำแบบนี้แล้ว ทำได้ตลอดทุกวันทุกเดือนทุกปีหรือเปล่า
หรือแม้แต่คำถามง่ายๆอย่าง "จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่"
ก็สร้างคำถามง่ายๆแต่ตอบยากให้กับพนง.กินเงินเดือนอย่างเราๆกันแทบทุกคน
ใครทำงาน บริษัทมีโอที ก็ทำกันจนเบื่อไปข้าง
บริษัทใครไม่มีโอที ก็ไม่ไหว รายได้ไม่ขึ้น หางานใหม่ทำดีกว่า ย้ายงานย้ายบริษัท เพื่อไปทำโอที
เหมือนว่า "สัจธรรม" มันจะค่อยๆก่อเกิดขึ้นมาเอง
ถ้าคุณลองใช้ชีวิตแบบ "สุดติ่ง" ไปทางด้านใดด้านหนึ่ง จนความสมดุลในชีวิตมันเสียไป
ถ้าคุณคิดได้ คุณจะหันมาถามตัวเองเหมือนที่ผมถามไปนี่แหละครับ
ว่า "เราจะทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน?"
มันไม่ใช่ว่า "ทำงานประจำไปเรื่อยๆก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ของฉันได้"
ถ้าคุณเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ มันแล้วแต่คน
แต่กับน้องผมคนนี้ เขาถามตัวเองง่ายๆแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็ได้คำตอบว่า ตัวเองจะทำโอทีให้ร่างกายบี้แบนแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว
มันได้ไม่คุ้มเสีย
แถมเพดานรายได้ ก็มีแค่ ชม. ที่เราสามารถทุ่มเทไปอยู่ที่บริษัทได้
บางครั้ง กะจะฟันโอทียาวๆ พี่แกก็เล่นออกจากบ้านตั้งแต่เช้าวันเสาร์ (ทำโอวันหยุดได้ 3 แรง) ไปทำงานที่บริษัท แล้วลากยาวถึงเที่ยงคืน เผลอๆ ล่อจนเช้า ควบกะเลยถึงวันอาทิตย์เช้า แล้วค่อยกลับบ้านมานอนวันอาทิตย์ทั้งวัน ตกเย็นหาอะไรกิน แล้วนอนต่อ ตื่นมาทำงานวันจันทร์
ผมเองก็เคยเข้ากะดึกครับ ตอนนั้นโรงงานกำลังเริ่มต้นใหม่ๆ
project ของญี่ปุ่นต้อง launch แล้ว สัปดาห์หน้า แต่อะไรๆมันยังไม่พร้อมเลย
จะปล่อยให้เด็กอยู่ทำกันเองก็กลัวจะแก้ปัญหากันไม่ได้
หัวหน้าผมเลยสั่งให้ผมเข้ากะซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ผ้าม่าน ราคาถูก
ผมต้องตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเย็น หาอะไรง่ายๆกิน แล้วออกจากบ้านมาตอนเกือบๆจะทุ่มตรง เข้าโรงงานก่อน 2 ทุ่ม แล้วก็ทำงานลากยาวถึง 8 โมงเช้า
ซึ่งการประชุมเช้าเพื่อต่อกะมันก็มีอยู่ แต่ปัญหาหลายๆปัญหา ก็ต้องไปคุยกันในประชุมใหญ่กว่านั้นที่จัดตอน 10 โมง กลายเป็นบางครั้ง ผมต้องอยู่ถึงประชุมนั้นเสร็จ ก็ปาไปเกือบเที่ยง
บางวันไม่ไหว ก็รายงานเสร็จ 10 โมงครึ่ง ผมก็ขอตัวกลับก่อนเลย
ทำได้เดือนเดียว เข้าแต่กะกลางคืนๆ ตัวเหลืองสิครับ
อวัยวะภายในเรามันไม่ได้ออกแบบมาให้ตื่นกลางคืนหลับกลางวัน
ยิ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อย ห้องเช่าก็มีแต่พัดลม
ก็ข่มตาหลับขับตานอนกันให้ได้เท่าที่จะอำนวย
กลับมาเรื่องรุ่นน้องผมต่อ (จะออกทะเลไปทำเพื่อ....)
น้องผมคนนี้ก็เลยคิดหาทาง "หางานเสริม"
เพื่อจะสร้างรายได้เพิ่มให้ตัวเองอีกทางหนึ่ง
จริงๆไอ้เด็กคนนี้มันก็คิดเหมือนคนอื่นนั่นแหละครับ
ว่า "อยากรวย"
ก็เลยทำโอทีแบบตะบี้ตะบัน
แต่พอทำจนสุด มันก็ไม่ไหว
ก็ต้องมาหาทางอื่นกันใหม่
หันไปหันมา เจอรถกระบะตัวเอง
ก็เลยไปลองถามๆดูว่า พอจะมีงาน "ขนของ" ที่ใช้รถกระบะของตัวเองได้มั้ย
ร้านผ้าม่าน ศรีราชา
ก็ไปได้งาน "ส่งไก่" ไก่ที่ตายแล้ว ยังไม่ตาย ของฟาร์ม หรือโรงเชือด หรืออะไรพวกนั้น
ก็ขับรถขนส่งไป
ช่วงแรก ก็เริ่มจากทำวันเสาร์อาทิตย์ ก็ได้รายได้ค่อนข้างดี
ไปๆมาๆ นายจ้าง ก็ถามว่า วันธรรมดาส่งได้มั้ย
ไอ้หมอนี่ก็เลยบอกว่า ถ้าช่วงเย็นล่ะก็พอได้ เพราะมองดูแล้ว หักค่าใช้จ่ายต่อรอบ วันๆนึงกำไรมากกว่าทำโอทีที่โรงงาน
ก็เลยรับจ๊อบ หลังเลิกงาน ไปวิ่งส่งไก่ จากระยอง ไปกรุงเทพ กลับระยอง อาทิตย์ละ 3-4 วัน ไม่รวมวันเสาร์อาทิตย์
รายได้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ สร้างเงินเก็บให้เพิ่มขึ้น พอมีเงินเก็บมากเข้าๆ ก็เลยไปถอยกระบะคันที่สองมา แล้วก็กะจะหาคนขับรถ ก็พอดีกับคุณพ่อเขาเอง สนใจอยากจะทำด้วย ก็เลยได้ร่วมงานกันกะพ่อตัวเอง
หักค่าใช้จ่ายรวมค่าจ้างขับรถให้พ่อแล้วก็ยังกำไรอยู่ เก็บไปเรื่อยๆ ก็มากพอจะส่งค่างวดรถให้ตัวเองได้อีก และยังเหลือกำไรอีกด้วย
ทำไปสักพัก ก็ปิดรถกระบะสองคันได้หมด
project ถัดมาก็เลยกลายเป็น "การขยายกิจการ"
เจ้าหมอนี่เลยไปหาซื้อ รถหกล้อ มาเพิ่มอีกคัน
เพื่อนๆได้ฟังก็ทำปากจู๋ร้อง "ตู้วหูวววว" กันไปตามๆกันหมด
เพราะรถหกล้อ คันนึงมันไม่ใช่ 8-9 แสนเหมือนรถกระบะ
แต่คันนึงมันเป็น 1-3 ล้าน แล้วแต่รุ่นและระดับ
ผ้าม่าน ชลบุรี
เจ้าหมอนี่ส่ายหน้าบอก "เปล่าๆไม่ใช่ๆ" 6 ล้อคันแรก เป็น "มือสอง" ราคาคันละไม่กี่แสนเท่านั้น
ก็เลยได้เริ่มขนส่งไก่ด้วยรถ 6 ล้อมาตั้งแต่นั้น
ทำไปทำมา ไก่ที่รับไปรับมา ก็มีปริมาณมากขึ้น
พอลองไปติดต่อช่องทางกับทางเซเว่น ก็มีการจ้าง outsource ให้ผู้รับจ้างภายนอกวิ่งงานให้ด้วย ตามเงื่อนไขของเขานะ
เจ้าหมอนี่ก็เลยไปรับงานเซเว่นฯมาด้วยอีกทาง
ทำไปทำมา กำไรที่ได้ก็มากพอจนสร้าง statement ดีๆได้
น้องชายที่ต่างจังหวัด เห็นช่องทางทำมาหากิน ก็เลยมาของานทำด้วย
เจ้าหมอนี่ก็เลยตัดสินใจ ไปถอยรถ 6 ล้อคันที่สองมาอีกคัน
จนตอนนี้ ทำงานกันทั้งครอบครัว บวกกับจ้างคนนอกมาด้วย
ล่าสุดผมเพิ่มเห็นว่าน้องคนนี้ เพิ่งปิดไฟแนนซ์รถ 6 ล้อคันแรกไปหมดแล้ว
จากกำไรที่หักส่วนต่างทั้งหมด ก็น่าจะสร้างรายได้เสริมให้หมอนี่ได้เดือนๆนึงไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาท
มากกว่ารายได้จากงานประจำที่เคยทำมาเสียอีก แม้จะทำโอทีเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางเลยที่จะหารายได้ได้มากขนาดนี้
ผ้าม่าน ศรีราชา
จากการวิ่งรถขนไก่ เดือนละไม่กี่พัน
ค่อยๆต่อยอดไปเรื่อยๆ หาลูกค้าก่อนค่อยลงทุนเพิ่ม ใช้ความสามารถด้านการทำงานบริษัท ค่อยๆปรับปรุงระบบเล็กๆของทีมงานตัวเอง เลือกคนทำงานที่ไว้ใจได้อย่างครอบครัวมาช่วย
ผ่านไปไม่นานก็สร้างรายได้ได้มากจนเพื่อนรุ่นเดียวกันอิจฉาตาร้อน
อีกไม่นาน หมอนี่คงจะต้องเลือก ว่าจะทำงานบริษัทแล้วมีรายได้เสริมหลายหมื่นต่อไป
หรือจะออกไปเพื่อจับรายได้หลักแสนต่อเดือนดีกว่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน
ผมว่า "เขามาถูกทาง"
จริงไหมครับ...?
--------------------------------
เห็นมั้ยครับ จากตัวอย่างของน้องผม เขาเริ่มต้นจากจุดเล็กๆจริงๆ
ค่อยๆหาทาง ค่อยๆขยับขยาย ค่อยปรับปรุง หางานเพิ่ม และค่อยลงทุนเพิ่มทีละนิดๆ จนตอนนี้ แม้จะยังไม่ถึงปลายทาง แต่ก็มาได้ไกลกว่าที่ตัวเขาคิดไว้เยอะมาก
ร้านผ้าม่านชลบุรี
ต่อไป จะทำอะไร ก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะตอนนี้ เขาสามารถสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้มากกว่าเดือนละหลายหมื่น
อ้อ...เกือบลืมบอกไป ทั้งหมดที่น้องผมคนนี้ทำมาตั้งแต่เริ่มขับรถกระบะส่งไก่จนมีรถบรรทุก 2 คัน
ใช้เวลาไปประมาณ 3 ปีเท่านั้นครับ
เทียบกันแล้ว 3 ปีในชีวิตนี้ มันจะเปลี่ยนชีวิตรุ่นน้องผมคนนี้และครอบครัวเขาไปอีกนานแสนนานครับ
หวังว่าทุกท่าน จะมองเห็นนะครับ
ว่า "จุดเริ่มต้น" สำคัญพอๆกับ "จุดปลายทาง"
ซึ่ง "ปลายทาง" ที่เราเห็นตอนนี้ สำหรับเจ้าตัวเขาเอง มันอาจจะเป็นแค่ "ระหว่างทาง" ก็ได้
แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ
เริ่มต้นที่ "จุดเล็กๆ" ก่อน
แล้วเดี๋ยวถ้ามัน "work"
จุดที่ใหญ่กว่า มันจะปรากฏให้เราเห็นเองครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น