อยากเริ่มธุรกิจ พอจะมีไอเดียแล้ว ทำยังไงต่อดี...?
ล่าสุดไม่นาน มีเพื่อนผมคนนึงที่เป็นคนชอบแฟชั่นไลน์มาคุยปรึกษาว่า อยากทำธุรกิจขายสินค้าแฟชั่นชิ้นนึง ซึ่งพอผมเปิดเข้าไปดู ก็พบว่า เป็นสินค้าที่ผมแทบจะไม่เคยเห็นเลย และไม่คิดด้วยว่า จะมีใครซื้อมาใช้
อารมณ์ประมาณ ตุ๊กตาลูกเทพ หรือ หินสี อะไรเทือกนั้นอ่ะครับ
แต่เรื่องโชคลางอะไรนั้น ผมไม่รู้ว่าจะมีประเด็นกับสินค้าตัวนี้ด้วยหรือเปล่า
เพราะเพื่อนผมเขาบอกว่า สินค้าชิ้นนี้นั้น เมืองนอกเขาฮิตกัน แต่ยังไม่เข้ามาเมืองไทย (ถอนหายใจ 3 ทีดีใจที่ตรูไม่ได้ตกเทรนด์)
จริงๆผมก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในขอบเขตของผู้บริโภค "สินค้าแฟชั่น" เลยแม้แต่น้อย ผมเลยแทบจะตอบไม่ได้ว่า สินค้าตัวนี้ น่าจะมาหรือไม่มาอย่างไร อนาคตจะเป็นยังไง
คุยๆกะเพื่อนดูก็บอกว่าให้มันไปลองหา "โรงงานผลิต" ในไทยดู ว่าที่ไหนเขาทำของพวกนี้ได้บ้าง จะได้มาดูเรื่องต้นทุนกัน อารมณ์เพื่อนเหมือนจะหาคนมาหุ้นด้วย (เพื่อนผมคนนี้รวยครับ ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองอย่างใด) และดูเหมือนมันจะอยากหาของมาขายทาง Internet ก็เลยมาปรึกษาผม
เพราะไปได้ยินมาจากเพื่อนอีกคนนึง ที่พอจะทราบว่า ผมนั้นพอจะมีความรู้ด้าน E-Commerce อยู่บ้าง
คุยไปคุยมา ก็ปรากฏว่าเพื่อนเข้าของไอเดียคนนี้ แค่มีไอเดียเฉยๆ แต่ไม่ได้รู้จักแหล่งสินค้าหรือช่องทางการตลาดใดๆเลย
ผมก็เลยนิ่งๆไปตามระเบียบ เพราะจะให้ผมไปหุ้นทำด้วยคงยาก เนื่องด้วยเหตุผลหลักๆหลายข้อ
1) ผมไม่ถนัดสินค้าแฟชั่นเลยแม้แต่น้อย (จริงๆถนัดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่เคยลองทำ เพราะไม่คิดอยากจะทำเท่าไหร่ ดูมันจะไม่ใช่แนว)
2) สืบเนื่องจากข้อแรก เพราะมันไม่ใช่ Passion ของผม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะอยากรู้ว่า มันทำมาจากอะไร ทำยังไง กระบวนการผลิตเป็นอย่างไร
3) บางส่วนของวัตถุดิบนั้น ผมว่า น่าจะมาจาก "สัตว์" ซึ่งผมเองเป็นพวกรักสัตว์(มากกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป) ผมเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับธุรกิจพวกนี้ (ก็ถ้าสินค้าผมขายดี สัตว์เหล่านั้นก็ต้องตายมากขึ้นป่ะ)
4) สำคัญสุด... คือ ตอนนี้ผมงานยุ่งมาก นอกจากงานประจำ กลับบ้านไปก็ต้องเข้าร้าน ทำนู่นทำนี่ กว่าจะได้เข้าบ้าน ก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม ผมก็ต้องมานั่งหน้าคอม ทำ E-commerce ต่ออีก กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนตีหนึ่งทุกวัน เช้าต้องตื่นแต่ 6 โมง ทำงานประจำต่อ (พูดแล้วเครียด)
ดังนั้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมเลยคิดว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าจะเหมาะกับผมเท่าไหร่
ที่เกริ่นยาวมานี้ มีประเด็นจะมาแชร์ให้ทุกท่านฟังบ้าง ไม่มากก็น้อย เกี่ยวกับเรื่อง "การเริ่มต้นธุรกิจ" ครับ
จริงๆแล้ว ธุรกิจนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
คนเราส่วนใหญ่ ชอบเอาไปเทียบกับงานประจำ ว่าทำแล้วเสี่ียงนะ อย่างโน้นอย่างนี้
คือ... จริงๆผมว่า มันเปรียบกันไม่ได้อ่ะครับ
เป้าหมาย มันก็คือๆกันคือ การ "หาเงิน" มาซื้อข้าวกิน มาจับจ่ายใช้สอย ซื้อปัจจัย 4 เพื่อดำรงชีวิต
สิ่งที่แตกต่างกันคือ "รูปแบบของต้นทุนเวลาและความคิด"
ซึ่ง ข้อดีข้อเสียของทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัว มันก็ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้ว ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็รู้
เพียงแต่ พอจะไปเริ่มธุรกิจ ก็ไปเจอ "ความกลัว" ที่เรียกว่า "ความเสี่ยง"
พอจะทำงานประจำต่อไป ก็ไปเจอ "ความโลภ" ที่เรียกว่า "อยากได้ความอิสระ"
คือ มันไม่มีทาง Balance กันได้หรอกครับ ผมว่า
แต่เอาเหอะ ประเด็นนั้นผมไม่เน้น
ที่ผมจะเน้นคือ....
การจะเริ่มทำ "ธุรกิจสักตัว" จริงๆมันไม่ได้ยากขนาดนั้นนะผมว่า
หลักๆมันคือ หา "สินค้า" หรือ "Product" ที่ "ดีพอ" ให้เจอก่อน
แล้วค่อยมาหาทางทำ "การตลาด" ให้มันดีขึ้น ตามมา
ที่เหลือก็คือ "การจัดการ" ให้วงจรธุรกิจของเรามันเดินได้ ตามครรลองของมัน ไม่มีใครทุกข์
ซึ่ง ผมว่า คนเราควรจะต้องมีอะไรสักอย่างที่เหมาะสมและ "ดีพอ" ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเกี่ยวกับ "ความเชี่ยวชาญด้านสินค้า" "การหาช่องทางการผลิต" "การทำการตลาด" หรือแม้แต่ "การจัดการองค์กร"
ซึ่งในส่วนของการจัดการนั้น ผมเชื่อว่าพนักงานประจำหลายๆคนก็สามารถพัฒนาและฝึกฝนให้เกิดประสิทธิภาพได้ ไม่มากก็น้อย
แต่ส่วนที่ยาก ผมว่า น่าจะเป็นเรื่องของ "สินค้า" และ "การตลาด" เสียมากกว่าครับ
ที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจก็คือ
เขาอาจจะทำได้ดีแค่ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ไม่ดีสักอย่าง
แน่นอนครับ ไม่นานก็เจ๊ง
ธุรกิจที่เพื่อนผมนำมาเสนอก็เช่นกันครับ
เพื่อนผมมีไอเดีย แต่ไม่มีความรู้ด้านสินค้า ไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลย
จริงๆเพื่อนผมคนนี้ เป็นคนที่ "น่าคบหา" มากถึงมากที่สุดคนหนึ่งครับ เขาเป็นสไตล์ของคนที่ Friendly และง่ายต่อการพบปะพูดคุย ผมเลยคิดว่า เขาน่าจะเก่งด้าน "การติดต่อประสานงานกับลูกค้า"
แต่แน่นอน ธุรกิจ มันไม่ได้มีด้านนั้นเพียงด้านเดียว
จริงๆ การเริ่มต้นของไอเดียธุรกิจของเพื่อนผมนั้น ก็น่าจะต้องเริ่มจากการค้นหา "แหล่งวัตถุดิบ" เพื่อจำกัดต้นทุนให้ต่ำพอที่จะสู้กับคู่แข่งได้ก่อน
แล้วที่เหลือ ก็ต้องแก้โจทย์ต่อๆไปทีหลัง
เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่มีแค่ "ไอเดีย"
ลองไปตีโจทย์ข้อที่ 2 ดูนะครับ
ว่าเราสามารถหา "แหล่งวัตถุดิบ" "แหล่งผลิต" หรือ "โรงงานที่รับผลิต" ได้หรือไม่
ถ้าได้แล้ว
ก็จะสามารถเริ่ม Part ต่อๆไปได้เองครับ
ด้วยความปรารถนาดี
อารมณ์ประมาณ ตุ๊กตาลูกเทพ หรือ หินสี อะไรเทือกนั้นอ่ะครับ
แต่เรื่องโชคลางอะไรนั้น ผมไม่รู้ว่าจะมีประเด็นกับสินค้าตัวนี้ด้วยหรือเปล่า
เพราะเพื่อนผมเขาบอกว่า สินค้าชิ้นนี้นั้น เมืองนอกเขาฮิตกัน แต่ยังไม่เข้ามาเมืองไทย (ถอนหายใจ 3 ทีดีใจที่ตรูไม่ได้ตกเทรนด์)
จริงๆผมก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในขอบเขตของผู้บริโภค "สินค้าแฟชั่น" เลยแม้แต่น้อย ผมเลยแทบจะตอบไม่ได้ว่า สินค้าตัวนี้ น่าจะมาหรือไม่มาอย่างไร อนาคตจะเป็นยังไง
คุยๆกะเพื่อนดูก็บอกว่าให้มันไปลองหา "โรงงานผลิต" ในไทยดู ว่าที่ไหนเขาทำของพวกนี้ได้บ้าง จะได้มาดูเรื่องต้นทุนกัน อารมณ์เพื่อนเหมือนจะหาคนมาหุ้นด้วย (เพื่อนผมคนนี้รวยครับ ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองอย่างใด) และดูเหมือนมันจะอยากหาของมาขายทาง Internet ก็เลยมาปรึกษาผม
เพราะไปได้ยินมาจากเพื่อนอีกคนนึง ที่พอจะทราบว่า ผมนั้นพอจะมีความรู้ด้าน E-Commerce อยู่บ้าง
คุยไปคุยมา ก็ปรากฏว่าเพื่อนเข้าของไอเดียคนนี้ แค่มีไอเดียเฉยๆ แต่ไม่ได้รู้จักแหล่งสินค้าหรือช่องทางการตลาดใดๆเลย
ผมก็เลยนิ่งๆไปตามระเบียบ เพราะจะให้ผมไปหุ้นทำด้วยคงยาก เนื่องด้วยเหตุผลหลักๆหลายข้อ
1) ผมไม่ถนัดสินค้าแฟชั่นเลยแม้แต่น้อย (จริงๆถนัดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่เคยลองทำ เพราะไม่คิดอยากจะทำเท่าไหร่ ดูมันจะไม่ใช่แนว)
2) สืบเนื่องจากข้อแรก เพราะมันไม่ใช่ Passion ของผม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะอยากรู้ว่า มันทำมาจากอะไร ทำยังไง กระบวนการผลิตเป็นอย่างไร
3) บางส่วนของวัตถุดิบนั้น ผมว่า น่าจะมาจาก "สัตว์" ซึ่งผมเองเป็นพวกรักสัตว์(มากกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป) ผมเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับธุรกิจพวกนี้ (ก็ถ้าสินค้าผมขายดี สัตว์เหล่านั้นก็ต้องตายมากขึ้นป่ะ)
4) สำคัญสุด... คือ ตอนนี้ผมงานยุ่งมาก นอกจากงานประจำ กลับบ้านไปก็ต้องเข้าร้าน ทำนู่นทำนี่ กว่าจะได้เข้าบ้าน ก็ปาเข้าไป 4 ทุ่ม ผมก็ต้องมานั่งหน้าคอม ทำ E-commerce ต่ออีก กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนตีหนึ่งทุกวัน เช้าต้องตื่นแต่ 6 โมง ทำงานประจำต่อ (พูดแล้วเครียด)
ดังนั้น ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมเลยคิดว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าจะเหมาะกับผมเท่าไหร่
ที่เกริ่นยาวมานี้ มีประเด็นจะมาแชร์ให้ทุกท่านฟังบ้าง ไม่มากก็น้อย เกี่ยวกับเรื่อง "การเริ่มต้นธุรกิจ" ครับ
จริงๆแล้ว ธุรกิจนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
คนเราส่วนใหญ่ ชอบเอาไปเทียบกับงานประจำ ว่าทำแล้วเสี่ียงนะ อย่างโน้นอย่างนี้
คือ... จริงๆผมว่า มันเปรียบกันไม่ได้อ่ะครับ
เป้าหมาย มันก็คือๆกันคือ การ "หาเงิน" มาซื้อข้าวกิน มาจับจ่ายใช้สอย ซื้อปัจจัย 4 เพื่อดำรงชีวิต
สิ่งที่แตกต่างกันคือ "รูปแบบของต้นทุนเวลาและความคิด"
ซึ่ง ข้อดีข้อเสียของทั้งงานประจำและธุรกิจส่วนตัว มันก็ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้ว ผมว่าคนส่วนใหญ่ก็รู้
เพียงแต่ พอจะไปเริ่มธุรกิจ ก็ไปเจอ "ความกลัว" ที่เรียกว่า "ความเสี่ยง"
พอจะทำงานประจำต่อไป ก็ไปเจอ "ความโลภ" ที่เรียกว่า "อยากได้ความอิสระ"
คือ มันไม่มีทาง Balance กันได้หรอกครับ ผมว่า
แต่เอาเหอะ ประเด็นนั้นผมไม่เน้น
ที่ผมจะเน้นคือ....
การจะเริ่มทำ "ธุรกิจสักตัว" จริงๆมันไม่ได้ยากขนาดนั้นนะผมว่า
หลักๆมันคือ หา "สินค้า" หรือ "Product" ที่ "ดีพอ" ให้เจอก่อน
แล้วค่อยมาหาทางทำ "การตลาด" ให้มันดีขึ้น ตามมา
ที่เหลือก็คือ "การจัดการ" ให้วงจรธุรกิจของเรามันเดินได้ ตามครรลองของมัน ไม่มีใครทุกข์
ซึ่ง ผมว่า คนเราควรจะต้องมีอะไรสักอย่างที่เหมาะสมและ "ดีพอ" ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเกี่ยวกับ "ความเชี่ยวชาญด้านสินค้า" "การหาช่องทางการผลิต" "การทำการตลาด" หรือแม้แต่ "การจัดการองค์กร"
ซึ่งในส่วนของการจัดการนั้น ผมเชื่อว่าพนักงานประจำหลายๆคนก็สามารถพัฒนาและฝึกฝนให้เกิดประสิทธิภาพได้ ไม่มากก็น้อย
แต่ส่วนที่ยาก ผมว่า น่าจะเป็นเรื่องของ "สินค้า" และ "การตลาด" เสียมากกว่าครับ
ที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจก็คือ
เขาอาจจะทำได้ดีแค่ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ไม่ดีสักอย่าง
แน่นอนครับ ไม่นานก็เจ๊ง
ธุรกิจที่เพื่อนผมนำมาเสนอก็เช่นกันครับ
เพื่อนผมมีไอเดีย แต่ไม่มีความรู้ด้านสินค้า ไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลย
จริงๆเพื่อนผมคนนี้ เป็นคนที่ "น่าคบหา" มากถึงมากที่สุดคนหนึ่งครับ เขาเป็นสไตล์ของคนที่ Friendly และง่ายต่อการพบปะพูดคุย ผมเลยคิดว่า เขาน่าจะเก่งด้าน "การติดต่อประสานงานกับลูกค้า"
แต่แน่นอน ธุรกิจ มันไม่ได้มีด้านนั้นเพียงด้านเดียว
จริงๆ การเริ่มต้นของไอเดียธุรกิจของเพื่อนผมนั้น ก็น่าจะต้องเริ่มจากการค้นหา "แหล่งวัตถุดิบ" เพื่อจำกัดต้นทุนให้ต่ำพอที่จะสู้กับคู่แข่งได้ก่อน
แล้วที่เหลือ ก็ต้องแก้โจทย์ต่อๆไปทีหลัง
เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่มีแค่ "ไอเดีย"
ลองไปตีโจทย์ข้อที่ 2 ดูนะครับ
ว่าเราสามารถหา "แหล่งวัตถุดิบ" "แหล่งผลิต" หรือ "โรงงานที่รับผลิต" ได้หรือไม่
ถ้าได้แล้ว
ก็จะสามารถเริ่ม Part ต่อๆไปได้เองครับ
ด้วยความปรารถนาดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น