การดูแลลูกค้าทั้งระหว่าง (และ) หลังการขาย

วันเสาร์อาทิตย์นี่ เป็นวันมหาวิปโยคของร้านค้าจริงๆครับ

ทั้งร้านที่ไม่มีลูกค้าเลยจนต้องเครียดและตั้งคำถามว่า เอ๊ะ ทำไมร้านฉันไม่มีคนเข้า

และกับร้านที่มีลูกค้าเยอะจนหัวหมุน จนบางทีอาจต้องบอกว่ามันเป็น "ทุกขลาภ" กลายๆเสียด้วยซ้ำไป

ซึ่งร้านผมนั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเป็นแบบที่สองครับ

คือลูกค้าเรียกพวกเราไปที่บ้านเพื่อวัดขนาดหรือนัดแนะเข้ามาเลือกสินค้าที่ร้านกันเยอะมากครับ

ถ้ารวมลูกค้าทั้งหมดที่มีการเคลื่อนไหวกับทางร้าน

วันเสาร์ 4 เจ้า
วันอาทิตย์ 6 เจ้า

ไม่รวมที่เราไปติดงานให้เขาอีกนะครับ (2 วัน 3 งาน) ร้านผ้าม่านศรีราชา

ซึ่ง ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องดีนะครับ เพราะลูกค้าเยอะ ถึงเราจะหัวหมุนหน่อย แต่ก็ช่วยให้เรามียอดขายมากขึ้น ต่อยอดธุรกิจของเราต่อไป

แต่แน่นอน สิ่งละอันพันละน้อยที่เรียกว่า "ความฉิบหาย" มันก็มาเยือนเราจนได้ ไม่มากก็น้อยครับ

ลูกค้าที่ไปติดงานให้เขา 2 หลังวันอาทิตย์นั้น เป็นครอบครัวใหญ่ผู้น่ารักครอบครัวหนึ่งครับ
คุณสามีและภรรยา เป็นหนุ่มสาวที่ซื้อบ้านติดกันสองหลังเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ของตนเองได้มาอยู่ในบ้านติดกัน ในสิ่งแวดล้อมดีๆ ของหมู่บ้านมีชื่อแห่งหนึ่งในละแวกบางแสน

ผมค่อนข้างประทับใจตัวลูกค้าและคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายอยู่มากๆเลยทีเดียวครับ

เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนมีน้ำใจ ช่างผมเข้าไป ต่างหาอะไรมาให้กินให้ดื่มกันเป็นพันละวัน จนช่างต้องเกรงใจเอามากๆ เพราะพวกท่านเอา "กับข้าว" ที่ซื้อมาเพื่อจะกินเอง ยกให้ทีมช่างของผมซะอย่างนั้น เนื่องด้วยว่า ลืมซื้อมาเผื่อช่าง
ผ้าม่าน ศรีราชา
ซึ่งช่างติดตั้งของผมก็ปฏิเสธกันจ้าละหวั่น เพราะทางเราก็เตรียมอาหารมาเองบ้างแล้วส่วนหนึ่ง (งานติดตั้งส่วนใหญ่มักจะกินเวลาเลยเที่ยงมาพอสมควร เลยต้องหาน้ำและอาหารมาเตรียมไว้ให้ตลอดครับ)

ทีมช่างของผมก็ติดงานไปด้วยความสบายใจเพราะความมีน้ำใจของ (คุณพ่อคุณแม่) ของเจ้าบ้านแบบฟินๆ

แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นครับ

เอ่อ... ไม่มีใครตายนะฮะ แค่ว่า ผ้าม่านที่เราติดไปนั้น มี "รอยเปื้อน" ครับ

รอยคล้ายๆ "น้ำหมึก" ซึ่งทางเจ้าบ้านก็เรียกครอบครัวมาดู และช่วยกันวิเคราะห์ตรวจสอบว่า นี่น่าจะเป็นรอยอะไรกันแน่

ซึ่งแน่นอนครับ คนเป็นลูกค้า ก็ย่อมไม่อยากได้สินค้าที่มี "ตำหนิ" ไม่ว่าตำหนินั้นจะมาจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่

ทางเจ้าบ้านก็ได้ติดต่อกลับมายังแฟนผม เพื่อจะนัดเข้าไปดูว่า ตำหนที่พบนั้นคืออะไรและจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
ผ้าม่าน ชลบุรี
แต่เนื่องจากแฟนผมติดลูกค้าแบบมาราธอน วิ่งรถรัวๆอยู่แถวพัทยา-บางละมุง-แหลมฉบัง เลยทำให้ไม่สะดวกจะตีรถกลับเข้ามาที่บางแสนเท่าไหร่

เลยเป็นหน้าที่ผม ผู้ช่วยจำเป็น ที่ต้องออกไปตรวจสอบหน้างาน + เจรจากับลูกค้า

พอผมไปถึงหน้างาน ก็ขอดูผ้าม่าน และปรึกษาหารือกับช่างของทางร้าน (ที่มีประสบการณ์ในงานด้านนี้มากกว่า 30 ปี) ครับ

ก็พบรอยหมึก ที่คล้ายๆจะเป็นรอยของ "ปากกาเมจิค" มากกว่า "ปากกาหมึกแห้ง"

ติดงานมานับร้อยๆหลัง ก็เพิ่งจะเจอรอยลักษณะนี้นี่แหละครับ

ซึ่ง ผมเองก็ปรึกษากับแฟนผมว่า จะทำอย่างไรได้บ้าง

แน่นอนล่ะ อย่างแรก ตรงจุดที่มัน "รับไม่ได้จริงๆ" ก็ต้องเปลี่ยนให้ลูกค้าแน่นอน

แต่จุดที่มันน่า "กระอักกระอ่วน" อย่างจุดที่เปื้อนไม่เยอะ หรือมีรอยด้านหลัง (ด้านที่หันออกนอกตัวบ้าน) นั้น จะทำอย่างไรกับมันได้บ้าง

ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็ไม่รู้จะพูดหรือนำเสนออย่างไรดี เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้

ผมวิเคราะห์กับช่างแล้ว ความน่าจะเป็นของสาเหตุที่เป็นไปได้น่าจะมาจาก

1. ผ้าที่ได้รับมาจากโรงงาน มีตำหนิมาแต่แรก
2. ช่างเย็บ ทำให้เกิดรอยปากกาเมจิคเอง
ร้านผ้าม่านชลบุรี
ซึ่งผมก็ฟันธงได้ยากครับ ว่ามันมาจากสาเหตุอะไร

แต่ทางบริษัทผ้าม่าน ก็น่ารักครับ ยินดีให้เราเคลมผ้าม่านกลับไป ซึ่งก็ต้องบอกว่า ปริมาณมากเอาเรื่องอยู่

แต่จะให้เคลมทั้งหลัง ซึ่งเยอะมากๆ ก็คงไม่ได้

เราเลยเสนอจะลดราคาลงให้อีกหน่อย สำหรับงานที่ไม่สมบูรณ์นี้
ซึ่งลูกค้าก็โอเคครับ
แม้ทางเราจะลดให้ค่อนข้างเยอะแล้วกับบ้านสองหลังนี้
แต่ทำไงได้ครับ งานออกมาไม่สมบูรณ์แบบนี้ ต่อให้ต้องลดจนขาดทุน ก็ต้องยอมครับ
ผมเองไม่สามารถปล่อยให้งานเสียหายไปแบบนี้ได้

เหนือสิ่งอื่นใด คือ "ความสบายใจของลูกค้า" ที่ต้องมาก่อนครับ

โชคดีที่ทางลูกค้าเขาโอเค และไม่มีปัญหากับรอยเลอะเล็กน้อย แต่รอยที่ใหญ่และมองเห็นได้ชัด เขาก็ขอให้เราเปลี่ยนให้

ซึ่งก็แน่นอนครับ เล่นเอากำไรหดจนเกือบหมด แทบจะเรียกได้ว่า "ทำฟรี" เลยทีเดียว

แต่ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็เป็นความรับผิดชอบ ซึ่งผมก็ยินดีจะปรับปรุงแก้ไขให้ลูกค้าอยู่แล้ว

เราจบเคสนั้นออกมาด้วยการรับเงินงวดที่สองออกมาจากบ้าน เหลือไว้อีกไม่กี่พัน สำหรับการรอเก็บงานแก้ไข ซึ่งเราต้องกลับเข้าไปติดตั้งให้เขาอีกรอบ โดยระหว่างนี้ ก็ให้ลูกค้าใช้ผ้าม่านมีรอยเปื้อนไปก่อน เดี๋ยวของใหม่แก้ไขมาให้แล้ว จะเอามาเปลี่ยนให้อีกครั้ง

ซึ่งลูกค้าโอเค

และก่อนเราจะจากมา ลูกค้าก็ยังคงขอนามบัตรของทางร้านเรา เพื่อไปโปรโมตและบอกต่อเพื่อนบ้านให้อีกด้วย

อาจจะเพราะเห็นว่าเรากำไรหดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนน่าสงสาร
หรือเพราะประทับใจในการบริการของเราก็ไม่ทราบได้

แต่ผมถือว่า เป็นสัญญาณอันดีจากลูกค้าครับ ที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่า สิ่งที่เราทำลงไปให้พวกเขานั้น

"ไม่ผิด" แน่นอน

ฝากทุกๆร้านที่เป็นงานบริการนะครับ

ผมว่า ลูกค้าเองไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก นอกจากงานที่ดีและมีคุณภาพ

ถ้าเราตอบโจทย์ให้เขาได้ หรือถ้าไม่ได้ ก็ต้องแก้ไขให้เขาได้แล้วล่ะก็

ปัญหาก็น่าจะไม่บานปลายครับ

สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ "ความรู้สึก" ของลูกค้าที่ต้องรักษาไว้ให้ได้ครับ

ผมว่า สิ่งนี้มีคุณค่าเหนือสิ่งใดๆทั้งหมด และเป็น "กำลังหลัก" ที่จะทำให้ร้านเรายืนยั้งอยู่ยงได้นานแสนนานต่อไปแน่นอนครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
-------------

คั่นเรื่องสุดท้าย ด้วยเรื่องของ "ก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ" ที่เพิ่งไปพบว่า หน้าบ้านตัวเองมีขายด้วย

ใครเคยได้ยิน "ก๋วยเตี๋ยวยกทัพ" มั้ยครับ

เป็นก๋วยเตี๋ยวจัมโบ้ขนาด 3 คนกินที่ใส่ชามมาให้แบบมโหฬารพร้อมเครื่องเคียงที่อลังการงานสร้างมากๆ

เยอะจนผมคิดว่า จะกินไงหมดวะเนี่ย...?
แต่สุดท้าย ก็ไม่เหลือครับ (ขนาดผมไม่หิวนะนั่น 555)

ตอนแรกแอบหงุดหงิดว่าทำไมช้าจังวะ แต่พอเห็นขนาดชามแล้วก็เข้าใจครับ
มันใหญ่มากมายจริงๆ

ตอนจ่ายตังค์ ผมถามเจ้าของร้านว่า ชามเนี้ย ขายได้วันนึงกี่ชาม
เขาบอกว่า ส่วนใหญ่ วันเสาร์อาทิตย์ ก็น่าจะได้ประมาณเกือบๆ 10 ชาม

ผมก็สงสัย ว่า ทำไมมันน้อยจังครับ เพราะผมว่า ชามนี้ เมนูนี้ มันเป็น Signature Menu ได้เลยนะนี่ ไม่ค่อยมีที่ไหนทำหรอก และรสชาติยังโอเคอีก ผมยังคิดว่าน่าจะขายได้วันละ 30 ชามขึ้นไปด้วยซ้ำ

เจ้าของร้านบอกว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้จะทำการโปรโมตเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยจะมีใครมาให้ความสนใจเท่าไหร่

ผมเลยแนะนำไปว่า ให้ลองไปลงข้อมูลโฆษณาไว้ที่ เพจเกี่ยวกับอาหารท้องถิ่น , หนังสือ , และเสนอโปรโมชั่นพวก ถ่ายรูปเช็คอินแถมขนมหรือน้ำ ทำคูปองส่วนลด หรือทำโบรชัวร์ ออกรายการทีวีเกี่ยวกับอาหาร ฯลฯ

ซึ่งถ้าได้ออกทีวีล่ะก็ ขอแค่ครั้งเดียว โอกาสที่จะมีคนมากินนั้น น่าจะมีสูงขึ้นแบบหลายเท่าเลยทีเดียว

อันนี้ก็ต้องเป็นโจทย์ใครโจทย์มันไปล่ะนะ
เอาใจช่วยทุกท่านที่ทำธุรกิจนะครับผม

ร้านผ้าม่านศรีราชา

ความคิดเห็น