บ่นยันโลกแตก - หัวหน้าใหม่ / Comfort Zone เก่า / งานที่ค้างคา / สิ่งที่ฝากให้หัวหน้าหลายๆคนได้เก็บไว้เป็นข้อคิด
ช่วงนี้ไม่มี Content อะไรใหม่ๆจะมาเล่าสู่ให้กันฟังบ้างเลยอ่ะ
ฮือๆๆๆ
งานประจำก็เริ่มจะน่าเบื่อมากขึ้นทุกวัน เป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลงในองค์กรใหม่ล่ะนะ ของงี้
ใครที่ทำงานประจำในบริษัทหรือที่ไหนๆ คงจะพอรู้ดีนะครับ
ว่าส่วนมากแล้ว เมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าใหม่
ส่วนใหญ่ มักจะดี "สู้ของเก่า" ไม่ค่อยได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ
จริงๆหัวหน้าใหม่บางคนไม่ได้เลวร้ายอะไรนะครับ
แต่เป็นเพราะเราเองที่ทำงานกับหัวหน้าเก่าได้สักพัก ก็พอเริ่มปรับตัวเข้ากันได้ ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็ทำให้เรา "คุ้นเคย" หรือ "เคยชิน" กับ Life Style นั้นๆไปโดยไม่ตั้ังใจ
ยิ่งถ้าผลงานออกมาโอเคด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้เรารู้สึก "ผูกพันธ์" กันมากเข้าไปใหญ่
ยังไม่นับรวมสภาพของ "ทีมงานทั้งหมด" ที่กลายเป็นกลุ่มก้อนของเพื่อนร่วมงานที่รับรู้ร่วมกันได้ว่า
"เออ... ที่คือที่ของพวกเรา"
แต่พอหัวหน้าเปลี่ยน อะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนนั่นแหละ
หัวหน้าผมคนใหม่ที่มานี่ บอกเลยครับ ว่าอายุน่าจะน้อยกว่าผม เพราะเขาช่างอ่อนน้อมถ่อมตนเสียนี่กระไร พูดจาด้วยคำสุภาพมากๆและไม่มีการเล่นมุกใดๆทั้งสิ้น
และคงเป็นเพราะความเป็นวัยรุ่นแบบนี้เอง ทำให้การทำงานของเขาช่าง "Active" สุดๆเมื่อเทียบกับหัวหน้าเก่าของผม
และผมเองซึ่งนั่งอยู่ใกล้แกมากที่สุด ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยจังๆ
(ผมเป็น ผจก. ในแผนกผมมี ผจก. 2 คน หัวหน้าผมคือ DGM คนญี่ปุ่น)
หัวหน้าผมเข้ามาทำงานได้ 2 อาทิตย์ เขาก็จับ Project ใหญ่เลย
Project ที่ต้องการแก้ปัญหาที่สั่งสมมาตลอด 6 เดือน
โดยการระดมแรงคนจากหลายๆแผนก เอามาช่วยๆๆกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่ได้กลับมาคือ.... แน่นอนครับ
"ผลลัพธ์" ที่ดี ยอดงานได้บวกมากขึ้น เครื่องจักรและคนทำงานเร็วขึ้น
แม้แต่การผลิตให้ได้มากขึ้นแค่ชิ้นเดียว ก็ยังดี.... ประโยคนี้หลุดออกจากปากแกบ่อยมากๆ
คือ.... ผมก็เห็นด้วยนะครับ ในจุดหนึ่งของการทำงาน 10 ปีที่นี่
แต่ต้องบอกก่อนว่า การที่ผมได้นั่งบริหารในองค์กรที่ใหญ่ระดับนี้นานๆ ด้านหนึ่ง ผมก็พบว่า
มันมี "ของไม่ดี" หมกอยู่แทบจะทุกๆส่วนของการทำงานนั่นแหละ
ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอกครับ ก็ทำงานส่วนที่ได้รับมอบหมายไปเรื่อยๆ
แต่การที่ตัวเรารู้สึกว่า จะทำอะไรให้ออกมาดีได้นั้น ต้องคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเจ้าของบริษัท
แล้วเราจะเห็นจุดที่น่าสนใจจะแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ได้ดีกว่าการมองว่าตัวเองเป็นแค่ลูกจ้าง
แน่นอนครับ พอผมลองเปรียบตัวเองเป็นเหมือน "เจ้าของบริษัท" ผมก็เห็นปัญหามากมาย
ผมก็ทำการเสนอต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น และขันอาสาจะเป็นคนแก้ไข
แต่ก็มีคำสั่งมาว่า "อย่าทำ" ไม่ต้องหรอก เขาไม่ทำกัน มาขัดตาทัพผมตลอดๆ
สุดท้าย ยิ่งผมเห็นปัญหาในองค์กรมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า องค์กรนี้ไม่น่าอยู่มากขึ้นเท่านั้น
เพื่อนๆพี่ๆร่วมงานที่นิสัยดีๆและน่าคบหาทำงานด้วยนั้น มีอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ยังมีไอ้คุณพวก "น่ารำคาญ" อีกมากกว่า
ผมทำงานไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกอิ่มตัวมากขึ้นทุกที
ยิ่งพอหัวหน้าใหม่เข้ามา และทำเหมือนกับว่า ที่นี่เป็น "สนามเด็กเล่น" แห่งใหม่ ที่อะไรๆก็น่าเล่นไปหมด
ผมเองก็ไม่รู้จะไปบอกแกว่ายังไงดีว่า บางอย่างน่ะ อย่าไปทำเลย มันเสียเวลา เพราะข้างบนหลายๆคนเขาไปมองกัน
แต่นางก็หาฟังที่ไหนได้ไม่
หัวหน้าผมนี่อารมณ์ประมาณ จองหงวนหนุ่มตงฉินสัดๆ อะไรประมาณนี้อ่ะครับ
นางลุยทุบทุกกำแพงที่ขวางกั้นอยู่อย่างเมามันส์ ตั้งคำถามเดียวว่า อะไรถูก กูทำ
เออ.... ผมเองมาตอนนี้ ก็มองแกด้วยความชื่นชมพอสมควรเลยนะ ว่าแกเป็นคน Active หนักมากๆ (ยิ่งถ้าเทียบกับหัวหน้าเก่าผมด้วยแล้ว)
แต่.... ฝากเป็นอุธาหรณ์เตือนในเพื่อนร่วมงานร่วมรุ่นผมทุกท่านละกันนะครับ
ว่า
ถ้าหากท่านต้องเข้าไปบริหารจัดการองค์กรสักแห่งหนึ่ง แล้วท่านต้องนั่งหัวโต๊ะ
ค่อยๆดู ค่อยๆสังเกตุ อะไรบางอย่างที่มันไม่ได้อยู่ใน รายงาน สักหน่อย น่าจะดีนะครับ
บรรยากาศการทำงาน
ทัศนคติของทีมงาน
เหตุผลที่แต่ละคนต้องทำแบบนั้น มาจนถึงตอนนี้
อะไรคือแรงขับเคลื่อนของแผนก หรือมากกว่านั้น
คือใคร..? เป็นคนขับเคลื่อนแผนก
คนส่วนใหญ่ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เวลาที่ผมต้องเข้ามาคุมแผนกหรือทีมงานใดทีมหนึ่ง
ผมมักจะถามพวกเขาก่อนกว่า คนที่อยู่ก่อนผมน่ะ เขาเป็นยังไง เขามีลักษณะแบบไหน และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ผมเริ่มจากจุดนั้นเพราะจะได้ดูว่า ข้อดีของเขา เรามีหรือเปล่า ถ้าไม่มี เราปรับให้มีได้มั้ย เพื่อทีมงาน
และที่สำคัญกว่า คือ ข้อเสียที่คนเก่าเขามีนั้น เรามีมั้ย ถ้าเราสามารถอุดรูรั่วบางรูที่เขาทำไว้ได้ และลูกน้องทีมงานจะ Happy มากกว่าเดิมได้ ผมจะเริ่มจากตรงนั้นก่อนเลย
แต่ก็นะ ลางเนื้อชอบลางยา
ยิ่งผมตั้งปณิธานไว่ว่าจะลาออกด้วยแล้ว
อะไรๆมันก็ยิ่งดูหม่นหมองลงทุกทีๆ
ผมนี้ อยากกลับบ้านไปนั่งหน้าคอม ทำงานตัวเอง ทำงานให้ร้านของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งสิ้น
(บ่นยันโลกแตก)
ขอให้สนุกสนานกับวันจันทร์แรกของเดือน 8 กันทุกคนนะคร้าบบบบ
ฮือๆๆๆ
งานประจำก็เริ่มจะน่าเบื่อมากขึ้นทุกวัน เป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนแปลงในองค์กรใหม่ล่ะนะ ของงี้
ใครที่ทำงานประจำในบริษัทหรือที่ไหนๆ คงจะพอรู้ดีนะครับ
ว่าส่วนมากแล้ว เมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าใหม่
ส่วนใหญ่ มักจะดี "สู้ของเก่า" ไม่ค่อยได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ
จริงๆหัวหน้าใหม่บางคนไม่ได้เลวร้ายอะไรนะครับ
แต่เป็นเพราะเราเองที่ทำงานกับหัวหน้าเก่าได้สักพัก ก็พอเริ่มปรับตัวเข้ากันได้ ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ก็ทำให้เรา "คุ้นเคย" หรือ "เคยชิน" กับ Life Style นั้นๆไปโดยไม่ตั้ังใจ
ยิ่งถ้าผลงานออกมาโอเคด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้เรารู้สึก "ผูกพันธ์" กันมากเข้าไปใหญ่
ยังไม่นับรวมสภาพของ "ทีมงานทั้งหมด" ที่กลายเป็นกลุ่มก้อนของเพื่อนร่วมงานที่รับรู้ร่วมกันได้ว่า
"เออ... ที่คือที่ของพวกเรา"
แต่พอหัวหน้าเปลี่ยน อะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนนั่นแหละ
หัวหน้าผมคนใหม่ที่มานี่ บอกเลยครับ ว่าอายุน่าจะน้อยกว่าผม เพราะเขาช่างอ่อนน้อมถ่อมตนเสียนี่กระไร พูดจาด้วยคำสุภาพมากๆและไม่มีการเล่นมุกใดๆทั้งสิ้น
และคงเป็นเพราะความเป็นวัยรุ่นแบบนี้เอง ทำให้การทำงานของเขาช่าง "Active" สุดๆเมื่อเทียบกับหัวหน้าเก่าของผม
และผมเองซึ่งนั่งอยู่ใกล้แกมากที่สุด ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยจังๆ
(ผมเป็น ผจก. ในแผนกผมมี ผจก. 2 คน หัวหน้าผมคือ DGM คนญี่ปุ่น)
หัวหน้าผมเข้ามาทำงานได้ 2 อาทิตย์ เขาก็จับ Project ใหญ่เลย
Project ที่ต้องการแก้ปัญหาที่สั่งสมมาตลอด 6 เดือน
โดยการระดมแรงคนจากหลายๆแผนก เอามาช่วยๆๆกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างชัดเจน
สิ่งที่ได้กลับมาคือ.... แน่นอนครับ
"ผลลัพธ์" ที่ดี ยอดงานได้บวกมากขึ้น เครื่องจักรและคนทำงานเร็วขึ้น
แม้แต่การผลิตให้ได้มากขึ้นแค่ชิ้นเดียว ก็ยังดี.... ประโยคนี้หลุดออกจากปากแกบ่อยมากๆ
คือ.... ผมก็เห็นด้วยนะครับ ในจุดหนึ่งของการทำงาน 10 ปีที่นี่
แต่ต้องบอกก่อนว่า การที่ผมได้นั่งบริหารในองค์กรที่ใหญ่ระดับนี้นานๆ ด้านหนึ่ง ผมก็พบว่า
มันมี "ของไม่ดี" หมกอยู่แทบจะทุกๆส่วนของการทำงานนั่นแหละ
ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอกครับ ก็ทำงานส่วนที่ได้รับมอบหมายไปเรื่อยๆ
แต่การที่ตัวเรารู้สึกว่า จะทำอะไรให้ออกมาดีได้นั้น ต้องคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเจ้าของบริษัท
แล้วเราจะเห็นจุดที่น่าสนใจจะแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ได้ดีกว่าการมองว่าตัวเองเป็นแค่ลูกจ้าง
แน่นอนครับ พอผมลองเปรียบตัวเองเป็นเหมือน "เจ้าของบริษัท" ผมก็เห็นปัญหามากมาย
ผมก็ทำการเสนอต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้น และขันอาสาจะเป็นคนแก้ไข
แต่ก็มีคำสั่งมาว่า "อย่าทำ" ไม่ต้องหรอก เขาไม่ทำกัน มาขัดตาทัพผมตลอดๆ
สุดท้าย ยิ่งผมเห็นปัญหาในองค์กรมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า องค์กรนี้ไม่น่าอยู่มากขึ้นเท่านั้น
เพื่อนๆพี่ๆร่วมงานที่นิสัยดีๆและน่าคบหาทำงานด้วยนั้น มีอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ยังมีไอ้คุณพวก "น่ารำคาญ" อีกมากกว่า
ผมทำงานไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกอิ่มตัวมากขึ้นทุกที
ยิ่งพอหัวหน้าใหม่เข้ามา และทำเหมือนกับว่า ที่นี่เป็น "สนามเด็กเล่น" แห่งใหม่ ที่อะไรๆก็น่าเล่นไปหมด
ผมเองก็ไม่รู้จะไปบอกแกว่ายังไงดีว่า บางอย่างน่ะ อย่าไปทำเลย มันเสียเวลา เพราะข้างบนหลายๆคนเขาไปมองกัน
แต่นางก็หาฟังที่ไหนได้ไม่
หัวหน้าผมนี่อารมณ์ประมาณ จองหงวนหนุ่มตงฉินสัดๆ อะไรประมาณนี้อ่ะครับ
นางลุยทุบทุกกำแพงที่ขวางกั้นอยู่อย่างเมามันส์ ตั้งคำถามเดียวว่า อะไรถูก กูทำ
เออ.... ผมเองมาตอนนี้ ก็มองแกด้วยความชื่นชมพอสมควรเลยนะ ว่าแกเป็นคน Active หนักมากๆ (ยิ่งถ้าเทียบกับหัวหน้าเก่าผมด้วยแล้ว)
แต่.... ฝากเป็นอุธาหรณ์เตือนในเพื่อนร่วมงานร่วมรุ่นผมทุกท่านละกันนะครับ
ว่า
ถ้าหากท่านต้องเข้าไปบริหารจัดการองค์กรสักแห่งหนึ่ง แล้วท่านต้องนั่งหัวโต๊ะ
ค่อยๆดู ค่อยๆสังเกตุ อะไรบางอย่างที่มันไม่ได้อยู่ใน รายงาน สักหน่อย น่าจะดีนะครับ
บรรยากาศการทำงาน
ทัศนคติของทีมงาน
เหตุผลที่แต่ละคนต้องทำแบบนั้น มาจนถึงตอนนี้
อะไรคือแรงขับเคลื่อนของแผนก หรือมากกว่านั้น
คือใคร..? เป็นคนขับเคลื่อนแผนก
คนส่วนใหญ่ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เวลาที่ผมต้องเข้ามาคุมแผนกหรือทีมงานใดทีมหนึ่ง
ผมมักจะถามพวกเขาก่อนกว่า คนที่อยู่ก่อนผมน่ะ เขาเป็นยังไง เขามีลักษณะแบบไหน และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ผมเริ่มจากจุดนั้นเพราะจะได้ดูว่า ข้อดีของเขา เรามีหรือเปล่า ถ้าไม่มี เราปรับให้มีได้มั้ย เพื่อทีมงาน
และที่สำคัญกว่า คือ ข้อเสียที่คนเก่าเขามีนั้น เรามีมั้ย ถ้าเราสามารถอุดรูรั่วบางรูที่เขาทำไว้ได้ และลูกน้องทีมงานจะ Happy มากกว่าเดิมได้ ผมจะเริ่มจากตรงนั้นก่อนเลย
แต่ก็นะ ลางเนื้อชอบลางยา
ยิ่งผมตั้งปณิธานไว่ว่าจะลาออกด้วยแล้ว
อะไรๆมันก็ยิ่งดูหม่นหมองลงทุกทีๆ
ผมนี้ อยากกลับบ้านไปนั่งหน้าคอม ทำงานตัวเอง ทำงานให้ร้านของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งสิ้น
(บ่นยันโลกแตก)
ขอให้สนุกสนานกับวันจันทร์แรกของเดือน 8 กันทุกคนนะคร้าบบบบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น