บ้านใหม่ ทำอะไรก่อน อะไรหลังดี...?
เรื่องนี้ เล่าไปกี่ครั้ง ก็ยังมีคนถามกลับมาได้ไม่มีเบื่อ
เราก็ตอบได้อย่างไม่เบื่อเช่นกันครับ
เอาจริงๆ ต้องบอกว่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ครับ ว่าบ้านใหม่สักหลัง จะซื้อแล้วเข้าอยู่เอง จะโอนอาทิตย์หน้า เดือนหน้านี้ละ ยังไม่รู้เลยว่า ต้องทำอะไรกับมันก่อนหลังยังไงดีบ้าง
คือ... ล่าสุดเพิ่งไปเก็บงานมาหลังนึงครับ
เรียกได้ว่า เป็น Case Study ที่ดีมากๆเคสหนึ่งเลยทีเดียว
เจ้าของบ้านคือคุณสามีกับคุณภรรยา
ที่แยกหน้าที่กันเสร็จสรรพ ว่า สำหรับบ้านใหม่ ใครมีหน้าที่เลือกซื้อจัดหาอะไรมาลงที่บ้านยังไงกันบ้าง
คุณภรรยามีหน้าที่เลือกเฟอร์นิเจอร์ทุกสิ่งอย่างเข้าบ้านครับ ตั้งแต่ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ เครื่องเรือน ของตกแต่งต่างๆ เลือกเองทั้งหมด
ส่วนคุณสามี มีหน้าที่ตัดสินใจและจัดหาเรื่องการต่อเติมบ้านครับ
ซึ่ง ดูเหมือนจะแบ่งแยกภาระหน้าที่กันได้ดี
แต่พอเอาเข้าจริงๆ เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยครับ
เนื่องด้วยเพราะคุณภรรยานั้น ได้เลือกทั้ง ผ้าม่าน เหล็กดัด เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเข้ามาวางในบ้านแล้วเรียบร้อย
ผ้าม่าน ศรีราชา
แต่คุณสามีเพิ่งจะได้นัดช่างมาก่อสร้าง ต่อเติมรอบๆตัวบ้านทีหลัง
ทีนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในบ้านจนเต็ม อัดแน่นไปด้วยเครื่องเรือนอย่างดี กลับต้องสกปรกเพราะฝุ่นจากการทำงานของช่างก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนก่อ หรือซีเมนต์จากผนังที่ต้องมีการเจาะหรือต่อเติม
โต๊ะทำงานกับเก้าอี้ตัวใหญ่ ที่ซื้อมาไว้รอสำหรับออฟฟิศเล็กๆที่สร้างขึ้นในบริเวณบ้านต่างหาก ก็ต้องเอามาอัดไว้ในตัวบ้านหลักก่อน จนไม่มีทางเดินให้ทั้งตัวเองและสารพัดช่างที่ต้องมาทำงานในนี้
ผมเห็นสภาพแล้ว สงสารเลยครับ
นี่ยังไม่รวมเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น จัดห้องข้างบนจนเสร็จเรียบร้อยหมด แต่กลับลืมนึกว่า ตัวเองจะ "รีดผ้า" ที่ห้องไหน
ไปๆมาๆ ดูอีกที ไม่มีที่ให้รีดผ้า แขวนผ้า วางผ้าได้เลย ห้องนอนใหญ่เล็ก เต็มไปหมดแล้ว
นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก็เลยเอามาบอกกล่าวทุกท่านอีกครั้งดีกว่าครับ
ว่า จะเข้าบ้านใหม่ ควรต้องทำอะไรก่อนหลังอย่างไรกันดี จะได้ไม่ผิดพลาดกันจนเกินไป
1. วันนัดโอน
ถ้าไม่มีอะไรเสียหายหรือผิดพลาด เมื่อได้วันที่จะโอนอย่างชัดเจนแล้ว แนะนำให้เรียงลำดับ โดยเริ่มจาก "งานต่อเติม" เป็นอันดับแรกครับ
เพราะงานต่อเติม จะมีฝุ่นและสิ่งสกปรกเยอะที่สุด รวมไปถึง การเก็บงาน การซ่อมแซม และอะไรต่างๆอีกมาก บ้านควรจะโล่งที่สุด และแน่นอน ยังไม่ควรจะเข้ามาอยู่ในช่วงนี้ครับ
ถ้าต่อเติมไม่มาก 4-5 วันก็อาจจะเสร็จ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของเนื้องาน และกำลังของบริษัทรับเหมาด้วยว่า เขาจะปิดงานได้เร็วช้าแค่ไหน
2. ขณะที่การต่อเติมดำเนินไปเรื่อย พอใกล้เสร็จ ก็นัดช่างแอร์มา "ติดแอร์" ได้เลยครับ เพราะการติดแอร์นั้น ฝุ่นจากการเจาะผนัง ก็เยอะไม่แพ้งานช่างอื่นๆเช่นกัน
ซึ่งนี่ถึงเป็นเหตุว่า ทำไมเราควรเอาเฟอร์นิเจอร์เข้าทีหลังสุด เพราะว่า งานปูนพวกนี้ ทั้งเจาะ ทุบ ต่อเติม มันมีผงปูนที่จะฟุ้งกระจายไปทั่วบ้านแน่ๆ
และเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านคงไม่สนุกเท่าไหร่นัก ที่จะต้องมาทำความสะอาดเครื่องเรือนใหม่ของตัวเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้
3. "เหล็กดัด" อันนี้ ก็อยู่ที่ว่า บ้านไหน ใครติดไม่ติด แต่บอกก่อนครับ เหล็กดัดนี่ แพงเอาเรื่องนะครับ ยิ่งสมัยนี้ ช่างติดตั้งนี่ก็ยิ่งฟันราคาได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณบ้านที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และความกลัวในมิจฉาชีพที่สูงขึ้นไม่แพ้กัน
ร้านผ้าม่านศรีราชา
แต่อยากให้ Make Clear กันดีๆก่อนนะครับ ว่าจุดไหนควรติดไม่ติดอะไรยังไงบ้าง
เพราะผมเห็นหลายๆท่าน ก็บ่นว่า ไม่อยากติดเลย เพราะทำให้บ้านดูอึดอัด เหมือนอยู่ในกรง
ซึ่งก็ไม่แปลกครับ ที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ในตัวบ้าน แต่ละห้องนั้น จะมีจุดไหนบ้างหรือเปล่า ที่เราจะเอาตู้หรือชั้น ไปวางทับปิดกระจก จนไม่ได้ใช้กระจกบานนั้นๆไปเลย ถ้ามี ก็ไม่ต้องติดเหล็กดัดหรอกครับ ปล่อยว่างไป ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่ ประหยัดงบด้วย
เคยเห็นบางหลัง ติดเหล็กดัดไปแล้วทั้งบ้าน อยู่ไปอยู่มา รื้อเหล็กดัดออกเกือบหมด เพราะไม่ชอบ สุดท้าย อยู่แบบไม่มีเหล็กดัดหลายปี จนบ้านขายทิ้ง ปล่อยรอยเจาะขอบวงกบไว้อย่างนั้น สุดท้าย ก็ต้องมาซ่อมเพื่อให้ลูกค้าเขาโอเคอยู่ดี หรือที่ร้ายกว่านั้น คือ ต้องติดเหล็กดัดใหม่อีกรอบ เสียอีก 5-6 หมื่น เพราะลูกค้าอยากได้เหล็กดัด ซะงั้น
4. "เฟอร์นิเจอร์ Build In" อันนี้ก็แล้วแต่บ้านนะครับ แต่ก็ควรจัดการให้เรียบร้อยก่อนติดม่านเช่นกัน เพราะหลายๆจุด อาจจะบดบังอะไรต่างๆได้พอควร บางบ้าน เอาเฟอร์บิ๊วฯมากินขอบหน้าต่างอีก ต้องเลื่อนตำแหน่งเจาะผ้าม่านออกไปจนเบี้ยวก็มี
แต่ที่ไม่ให้ติดหลังผ้าม่านก็เพราะ หลายๆครั้ง ช่างติดตั้งเฟอร์ฯ ก็มักจะทำผ้าม่านหรือวอลเปเปอร์เสียหาย เพราะไม่ระวัง ก็มีเหมือนกันครับ เราก็ต้องเรียกร้านผ้าม่านเข้ามาแก้งานให้อีก ซึ่งถ้าเจอร้านดี ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าซวยหน่อย ก็อาจโดนคิดตังค์เพิ่มได้ครับ เพราะแน่นอน มันมีต้นทุนค่าน้ำมัน และค่าช่างด้วยนี่นา
5. "วอลเปเปอร์" ควรติดก่อนผ้าม่านครับ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสมาก ที่บอกว่าควรก่อนผ้าม่าน เพราะ ถ้าติดในวันเดียวกันกับผ้าม่าน ช่างก็มักจะติดวอลฯก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องเจาะรูหลายรอบนั่นเอง แต่สลับได้นะครับ ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น
6. "ผ้าม่าน" ต้องติดเป็นอย่างหลังๆเลย เพราะ เรื่อง ฝุ่น นั่นแหละครับ ผ้าบางตัวมันก็อมฝุ่นนะ ยิ่งเจอพวกซีเมนต์ละเอียดนี่ เรียกได้ว่า เหมือนมีละอองหิมะเกาะผ้ากันเลยทีเดียว
7. "เฟอร์นิเจอร์" ต้องติดทีหลังสุดครับ เนื่องจาก "ความสะอาด" ฝุ่นจะได้ไม่เกาะ เราจะได้ของใหม่ และช่างมาติดให้ จะได้เอาเข้าตำแหน่งที่ต้องการได้เลย และที่สำคัญ เวลาช่างเหล็กดัด หรือช่างผ้าม่าน ต้องการพื้นที่ทำงาน ตัวบ้านที่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ทำงานง่ายกว่ามากมายยิ่งนักครับ
ถ้ามีเฟอร์เข้ามา ช่างติดตั้งผ้าม่านหรือวอลเปเปอร์ อาจจะต้องใช้เวลาทำงานมากกว่าปกติถึง 1.5-2 เท่าเลยทีเดียว เพราะต้องดึงเข้าดึงออกเฟอร์นิเจอร์ออกมา ถึงจะวางบันไดได้นั่นเองครับ
เป็นไงครับ พอนึกภาพออกแล้วนะครับ
อ้อ แล้วก็อีกอย่างนึงคือ พยายามเว้นระยะระหว่างงาน เหล็กดัด กับ ผ้าม่าน ด้วยนะครับ
เพราะเท่าที่ผมเห็นมา ช่างเหล็กดัดประมาณมากกว่าครึ่ง มักจะมีการ Delay หรือไม่ก็เก็บงานไม่เสร็จในวันที่กำหนดเท่าไหร่ครับผม ขนาดที่วัดไป ผิดพลาดไป 2-3 ซม. ก็ต้องเอาเหล็กทั้งแผงกลับไปแก้ที่ร้านแล้ว ถ้าให้ผ้าม่านเข้าไป เดี๋ยวพอเขากลับมาติดเหล็กดัด ก็มีปัญหาอีก สีเลอะผ้าบ้างล่ะ เหล็กเกี่ยวผ้าขาดบ้างล่ะ ฯลฯ
ระวังและวางแผนกันดีๆนะครับทุกท่าน
ด้วยความปรารถนาดี
ร้านผ้าม่านศรีราชา
เราก็ตอบได้อย่างไม่เบื่อเช่นกันครับ
เอาจริงๆ ต้องบอกว่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ครับ ว่าบ้านใหม่สักหลัง จะซื้อแล้วเข้าอยู่เอง จะโอนอาทิตย์หน้า เดือนหน้านี้ละ ยังไม่รู้เลยว่า ต้องทำอะไรกับมันก่อนหลังยังไงดีบ้าง
คือ... ล่าสุดเพิ่งไปเก็บงานมาหลังนึงครับ
เรียกได้ว่า เป็น Case Study ที่ดีมากๆเคสหนึ่งเลยทีเดียว
เจ้าของบ้านคือคุณสามีกับคุณภรรยา
ที่แยกหน้าที่กันเสร็จสรรพ ว่า สำหรับบ้านใหม่ ใครมีหน้าที่เลือกซื้อจัดหาอะไรมาลงที่บ้านยังไงกันบ้าง
คุณภรรยามีหน้าที่เลือกเฟอร์นิเจอร์ทุกสิ่งอย่างเข้าบ้านครับ ตั้งแต่ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ เครื่องเรือน ของตกแต่งต่างๆ เลือกเองทั้งหมด
ส่วนคุณสามี มีหน้าที่ตัดสินใจและจัดหาเรื่องการต่อเติมบ้านครับ
ซึ่ง ดูเหมือนจะแบ่งแยกภาระหน้าที่กันได้ดี
แต่พอเอาเข้าจริงๆ เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยครับ
เนื่องด้วยเพราะคุณภรรยานั้น ได้เลือกทั้ง ผ้าม่าน เหล็กดัด เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเข้ามาวางในบ้านแล้วเรียบร้อย
ผ้าม่าน ศรีราชา
แต่คุณสามีเพิ่งจะได้นัดช่างมาก่อสร้าง ต่อเติมรอบๆตัวบ้านทีหลัง
ทีนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในบ้านจนเต็ม อัดแน่นไปด้วยเครื่องเรือนอย่างดี กลับต้องสกปรกเพราะฝุ่นจากการทำงานของช่างก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนก่อ หรือซีเมนต์จากผนังที่ต้องมีการเจาะหรือต่อเติม
โต๊ะทำงานกับเก้าอี้ตัวใหญ่ ที่ซื้อมาไว้รอสำหรับออฟฟิศเล็กๆที่สร้างขึ้นในบริเวณบ้านต่างหาก ก็ต้องเอามาอัดไว้ในตัวบ้านหลักก่อน จนไม่มีทางเดินให้ทั้งตัวเองและสารพัดช่างที่ต้องมาทำงานในนี้
ผมเห็นสภาพแล้ว สงสารเลยครับ
นี่ยังไม่รวมเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น จัดห้องข้างบนจนเสร็จเรียบร้อยหมด แต่กลับลืมนึกว่า ตัวเองจะ "รีดผ้า" ที่ห้องไหน
ไปๆมาๆ ดูอีกที ไม่มีที่ให้รีดผ้า แขวนผ้า วางผ้าได้เลย ห้องนอนใหญ่เล็ก เต็มไปหมดแล้ว
นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก็เลยเอามาบอกกล่าวทุกท่านอีกครั้งดีกว่าครับ
ว่า จะเข้าบ้านใหม่ ควรต้องทำอะไรก่อนหลังอย่างไรกันดี จะได้ไม่ผิดพลาดกันจนเกินไป
1. วันนัดโอน
ถ้าไม่มีอะไรเสียหายหรือผิดพลาด เมื่อได้วันที่จะโอนอย่างชัดเจนแล้ว แนะนำให้เรียงลำดับ โดยเริ่มจาก "งานต่อเติม" เป็นอันดับแรกครับ
เพราะงานต่อเติม จะมีฝุ่นและสิ่งสกปรกเยอะที่สุด รวมไปถึง การเก็บงาน การซ่อมแซม และอะไรต่างๆอีกมาก บ้านควรจะโล่งที่สุด และแน่นอน ยังไม่ควรจะเข้ามาอยู่ในช่วงนี้ครับ
ถ้าต่อเติมไม่มาก 4-5 วันก็อาจจะเสร็จ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของเนื้องาน และกำลังของบริษัทรับเหมาด้วยว่า เขาจะปิดงานได้เร็วช้าแค่ไหน
2. ขณะที่การต่อเติมดำเนินไปเรื่อย พอใกล้เสร็จ ก็นัดช่างแอร์มา "ติดแอร์" ได้เลยครับ เพราะการติดแอร์นั้น ฝุ่นจากการเจาะผนัง ก็เยอะไม่แพ้งานช่างอื่นๆเช่นกัน
ซึ่งนี่ถึงเป็นเหตุว่า ทำไมเราควรเอาเฟอร์นิเจอร์เข้าทีหลังสุด เพราะว่า งานปูนพวกนี้ ทั้งเจาะ ทุบ ต่อเติม มันมีผงปูนที่จะฟุ้งกระจายไปทั่วบ้านแน่ๆ
และเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านคงไม่สนุกเท่าไหร่นัก ที่จะต้องมาทำความสะอาดเครื่องเรือนใหม่ของตัวเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้
3. "เหล็กดัด" อันนี้ ก็อยู่ที่ว่า บ้านไหน ใครติดไม่ติด แต่บอกก่อนครับ เหล็กดัดนี่ แพงเอาเรื่องนะครับ ยิ่งสมัยนี้ ช่างติดตั้งนี่ก็ยิ่งฟันราคาได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณบ้านที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และความกลัวในมิจฉาชีพที่สูงขึ้นไม่แพ้กัน
ร้านผ้าม่านศรีราชา
แต่อยากให้ Make Clear กันดีๆก่อนนะครับ ว่าจุดไหนควรติดไม่ติดอะไรยังไงบ้าง
เพราะผมเห็นหลายๆท่าน ก็บ่นว่า ไม่อยากติดเลย เพราะทำให้บ้านดูอึดอัด เหมือนอยู่ในกรง
ซึ่งก็ไม่แปลกครับ ที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ในตัวบ้าน แต่ละห้องนั้น จะมีจุดไหนบ้างหรือเปล่า ที่เราจะเอาตู้หรือชั้น ไปวางทับปิดกระจก จนไม่ได้ใช้กระจกบานนั้นๆไปเลย ถ้ามี ก็ไม่ต้องติดเหล็กดัดหรอกครับ ปล่อยว่างไป ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่ ประหยัดงบด้วย
เคยเห็นบางหลัง ติดเหล็กดัดไปแล้วทั้งบ้าน อยู่ไปอยู่มา รื้อเหล็กดัดออกเกือบหมด เพราะไม่ชอบ สุดท้าย อยู่แบบไม่มีเหล็กดัดหลายปี จนบ้านขายทิ้ง ปล่อยรอยเจาะขอบวงกบไว้อย่างนั้น สุดท้าย ก็ต้องมาซ่อมเพื่อให้ลูกค้าเขาโอเคอยู่ดี หรือที่ร้ายกว่านั้น คือ ต้องติดเหล็กดัดใหม่อีกรอบ เสียอีก 5-6 หมื่น เพราะลูกค้าอยากได้เหล็กดัด ซะงั้น
4. "เฟอร์นิเจอร์ Build In" อันนี้ก็แล้วแต่บ้านนะครับ แต่ก็ควรจัดการให้เรียบร้อยก่อนติดม่านเช่นกัน เพราะหลายๆจุด อาจจะบดบังอะไรต่างๆได้พอควร บางบ้าน เอาเฟอร์บิ๊วฯมากินขอบหน้าต่างอีก ต้องเลื่อนตำแหน่งเจาะผ้าม่านออกไปจนเบี้ยวก็มี
แต่ที่ไม่ให้ติดหลังผ้าม่านก็เพราะ หลายๆครั้ง ช่างติดตั้งเฟอร์ฯ ก็มักจะทำผ้าม่านหรือวอลเปเปอร์เสียหาย เพราะไม่ระวัง ก็มีเหมือนกันครับ เราก็ต้องเรียกร้านผ้าม่านเข้ามาแก้งานให้อีก ซึ่งถ้าเจอร้านดี ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าซวยหน่อย ก็อาจโดนคิดตังค์เพิ่มได้ครับ เพราะแน่นอน มันมีต้นทุนค่าน้ำมัน และค่าช่างด้วยนี่นา
5. "วอลเปเปอร์" ควรติดก่อนผ้าม่านครับ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสมาก ที่บอกว่าควรก่อนผ้าม่าน เพราะ ถ้าติดในวันเดียวกันกับผ้าม่าน ช่างก็มักจะติดวอลฯก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องเจาะรูหลายรอบนั่นเอง แต่สลับได้นะครับ ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น
6. "ผ้าม่าน" ต้องติดเป็นอย่างหลังๆเลย เพราะ เรื่อง ฝุ่น นั่นแหละครับ ผ้าบางตัวมันก็อมฝุ่นนะ ยิ่งเจอพวกซีเมนต์ละเอียดนี่ เรียกได้ว่า เหมือนมีละอองหิมะเกาะผ้ากันเลยทีเดียว
7. "เฟอร์นิเจอร์" ต้องติดทีหลังสุดครับ เนื่องจาก "ความสะอาด" ฝุ่นจะได้ไม่เกาะ เราจะได้ของใหม่ และช่างมาติดให้ จะได้เอาเข้าตำแหน่งที่ต้องการได้เลย และที่สำคัญ เวลาช่างเหล็กดัด หรือช่างผ้าม่าน ต้องการพื้นที่ทำงาน ตัวบ้านที่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ทำงานง่ายกว่ามากมายยิ่งนักครับ
ถ้ามีเฟอร์เข้ามา ช่างติดตั้งผ้าม่านหรือวอลเปเปอร์ อาจจะต้องใช้เวลาทำงานมากกว่าปกติถึง 1.5-2 เท่าเลยทีเดียว เพราะต้องดึงเข้าดึงออกเฟอร์นิเจอร์ออกมา ถึงจะวางบันไดได้นั่นเองครับ
เป็นไงครับ พอนึกภาพออกแล้วนะครับ
อ้อ แล้วก็อีกอย่างนึงคือ พยายามเว้นระยะระหว่างงาน เหล็กดัด กับ ผ้าม่าน ด้วยนะครับ
เพราะเท่าที่ผมเห็นมา ช่างเหล็กดัดประมาณมากกว่าครึ่ง มักจะมีการ Delay หรือไม่ก็เก็บงานไม่เสร็จในวันที่กำหนดเท่าไหร่ครับผม ขนาดที่วัดไป ผิดพลาดไป 2-3 ซม. ก็ต้องเอาเหล็กทั้งแผงกลับไปแก้ที่ร้านแล้ว ถ้าให้ผ้าม่านเข้าไป เดี๋ยวพอเขากลับมาติดเหล็กดัด ก็มีปัญหาอีก สีเลอะผ้าบ้างล่ะ เหล็กเกี่ยวผ้าขาดบ้างล่ะ ฯลฯ
ระวังและวางแผนกันดีๆนะครับทุกท่าน
ด้วยความปรารถนาดี
ร้านผ้าม่านศรีราชา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น