การสื่อสารที่ผิดพลาด กับ การถกเถียงกับลูกค้า
ช่วงนี้มีอยู่ประเด็นนึงที่ค่อนข้างเกี่ยวพันกับทางร้านนิดหน่อยครับ
คือ ลูกค้าคู่หนึ่ง (แฟนกัน) ก็เข้ามาตกลงติดตั้งผ้าม่านกับทางร้านเรา และก็ตกลงกันได้ที่ราคานึง ซึ่งสาระสำคัญมันอยู่ที่ว่า
ร้านผมตกลงราคาที่ว่าไว้นี้ มี "ผ้าทึบทั้งหลัง" กับ "ผ้าโปร่ง 2 จุด"
แต่พอเข้าไปติดตั้งที่หน้างาน ลูกค้า (คุณผู้หญิง) ก็ได้โมโหเรื่องที่ว่า "ไหนว่าตกลงกันไว้ว่ามีผ้าโปร่งที่ชั้น 1 ทั้งหมดด้วยไง?"
ร้านผ้าม่านชลบุรี
ซึ่งทางร้านก็ได้สอบถามพูดคุยกับทางเจ้าของบ้าน (คุณผู้ชาย) ซึ่งก็เข้าใจตรงกันว่า เราคุยกันไว้ว่า ราคานี้คือ จะได้ ผ้าทึบทั้งหลัง+ผ้าโปร่ง 2 จุด
ซึ่งนั่นทำให้คุณผู้หญิงค่อนข้างจะไม่พอใจเอามากๆ ที่ดูเหมือนว่าร้านเราจะโกงเขา
แต่ก็ยังดีที่คุณผู้ชายเข้าใจ และค่อนข้างจะแน่ใจว่า เราตกลงกันไว้ว่า ราคานี้คือมีอะไรเท่าไหร่ยังไง
ช่างร้านผมก็มาคุยกะแฟนผมที่เป็นคนรับหน้าลูกค้า ก็ค่อนข้างจะประหลาดใจที่เห็นว่า แฟนผมค่อนข้างจะใจเย็นเอามากๆ ไม่มีการเหวี่ยงใส่ลูกค้าหรือโวยวายกลับแต่อย่างใด ก็พูดคุยสื่อสารด้วยน้ำเสียงธรรมดา ซึ่งทางช่างก็บอกว่า
"นี่ถ้าเป็นร้านอื่น(ที่เขาเคยร่วมงานด้วย)นะ รับรองว่าวีนแตก เถียงลูกค้ากลับแน่นอน"
ซึ่งแฟนผมก็ได้กึ่งสอนช่าง(ที่อายุน้อยกว่า)ไปว่า
"เราไม่มีทางเถียงลูกค้าแล้วชนะได้หรอก ต่อให้เหตุผลเราถูก หรือลูกค้าจะเถียงแพ้เรายังไง เราก็ไม่ได้ตังค์เพิ่มขึ้น และหลังจากนั้น ลูกค้าก็ยังสามารถเอาร้านเราไปพูดเสียๆหายๆให้เพื่อนให้ญาติเขาฟังได้อีก มันไม่มีทางมีผลดีใดๆทั้งสิ้น กับการปล่อยให้อารมณ์มาเกี่ยวข้องตอนที่กำลังคุยกับลูกค้า"
ผมเห็นด้วยเต็มประตูกับเรื่องนี้ครับ
ซึ่งก็บอกเลยว่า ในวันที่เราเข้าไปเก็บเงินและขอเข้าไปถ่ายรูปหน้างาน ทางเจ้าของบ้านคุณผู้ชายนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คุณผู้หญิงนั้น หน้าบอกบุญไม่รับมาก เล่นเอาผมงี้ ไม่อยากเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นเลย อยากจะออกมาเร็วๆ
ผ้าม่าน ศรีราชา
ยังดีที่แฟนผมเขาใจเย็นเอามากๆ ถ้าเป็นผมนี่ก็คงไม่ได้เถียงออกไปหรอก แต่คงตัดจบให้เร็วที่สุด และออกห่างจากคุณลูกค้าบ้านนี้อย่างไว ยังไงๆก็คงไม่กลับไปอีก
แต่แฟนผมเขาสามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
ซึ่งปกติ เขาออกจะเป็นคนขี้เหวี่ยงนิดๆเสียด้วยซ้ำ (ตอนหลังถามเขา เขาบอกว่า เหวี่ยงกับผมคนเดียว 5555)
ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากให้เป็นบทเรียนกับทุกๆธุรกิจนะครับ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการบริการด้วย
สำคัญมากๆ ที่เรายังไงก็คงเลี่ยงลูกค้าที่เรา "ไม่ชอบ" ไม่ได้
คงต้องเจอเข้าสักวัน ไม่มากก็น้อย
ทีนี้ ถ้าเจอแล้ว ก็ต้องปรับตัวปรับใจล่ะครับ จะมาเหวี่ยงวีนว่าฉันถูกเธอผิด ยังไงๆ ก็ไม่ได้ครับ
ลูกค้าต้องถูกเสมอ Customer Always Right
เพื่อที่เขาจะได้ไม่เอาร้านเราไปว่าลับหลังหรือบอกต่อให้คนอื่นรับรู้ไปว่า ร้านเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
ยิ่งสมัยนี้ Social Generation ด้วยแล้ว โพสลงเฟสบุ๊คทีเดียว กระหึ่มยิ่งกว่าประทัดวันตรุษแน่นอน
เพราะฉะนั้นแล้ว จะใช้สื่อ Social ให้เกิดประโยชน์หรือโทษต่อกิจการตัวเองได้แค่ไหน
บางที มันก็อยู่แค่เส้นบางๆตรงนั้น ที่หน้างาน ตรงที่ลูกค้ากำลังตะเบ็งเสียงใส่เรา
ซึ่งคำตอบสุดท้ายมันอยู่ที่การเริ่มต้นที่ว่า
เราจะตอบลูกค้าที่กำลัง "เหวี่ยง" ด้วยน้ำเสียงแบบไหน...?
ก็เป็นได้นะครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
คือ ลูกค้าคู่หนึ่ง (แฟนกัน) ก็เข้ามาตกลงติดตั้งผ้าม่านกับทางร้านเรา และก็ตกลงกันได้ที่ราคานึง ซึ่งสาระสำคัญมันอยู่ที่ว่า
ร้านผมตกลงราคาที่ว่าไว้นี้ มี "ผ้าทึบทั้งหลัง" กับ "ผ้าโปร่ง 2 จุด"
แต่พอเข้าไปติดตั้งที่หน้างาน ลูกค้า (คุณผู้หญิง) ก็ได้โมโหเรื่องที่ว่า "ไหนว่าตกลงกันไว้ว่ามีผ้าโปร่งที่ชั้น 1 ทั้งหมดด้วยไง?"
ร้านผ้าม่านชลบุรี
ซึ่งทางร้านก็ได้สอบถามพูดคุยกับทางเจ้าของบ้าน (คุณผู้ชาย) ซึ่งก็เข้าใจตรงกันว่า เราคุยกันไว้ว่า ราคานี้คือ จะได้ ผ้าทึบทั้งหลัง+ผ้าโปร่ง 2 จุด
ซึ่งนั่นทำให้คุณผู้หญิงค่อนข้างจะไม่พอใจเอามากๆ ที่ดูเหมือนว่าร้านเราจะโกงเขา
แต่ก็ยังดีที่คุณผู้ชายเข้าใจ และค่อนข้างจะแน่ใจว่า เราตกลงกันไว้ว่า ราคานี้คือมีอะไรเท่าไหร่ยังไง
ช่างร้านผมก็มาคุยกะแฟนผมที่เป็นคนรับหน้าลูกค้า ก็ค่อนข้างจะประหลาดใจที่เห็นว่า แฟนผมค่อนข้างจะใจเย็นเอามากๆ ไม่มีการเหวี่ยงใส่ลูกค้าหรือโวยวายกลับแต่อย่างใด ก็พูดคุยสื่อสารด้วยน้ำเสียงธรรมดา ซึ่งทางช่างก็บอกว่า
"นี่ถ้าเป็นร้านอื่น(ที่เขาเคยร่วมงานด้วย)นะ รับรองว่าวีนแตก เถียงลูกค้ากลับแน่นอน"
ซึ่งแฟนผมก็ได้กึ่งสอนช่าง(ที่อายุน้อยกว่า)ไปว่า
"เราไม่มีทางเถียงลูกค้าแล้วชนะได้หรอก ต่อให้เหตุผลเราถูก หรือลูกค้าจะเถียงแพ้เรายังไง เราก็ไม่ได้ตังค์เพิ่มขึ้น และหลังจากนั้น ลูกค้าก็ยังสามารถเอาร้านเราไปพูดเสียๆหายๆให้เพื่อนให้ญาติเขาฟังได้อีก มันไม่มีทางมีผลดีใดๆทั้งสิ้น กับการปล่อยให้อารมณ์มาเกี่ยวข้องตอนที่กำลังคุยกับลูกค้า"
ผมเห็นด้วยเต็มประตูกับเรื่องนี้ครับ
ซึ่งก็บอกเลยว่า ในวันที่เราเข้าไปเก็บเงินและขอเข้าไปถ่ายรูปหน้างาน ทางเจ้าของบ้านคุณผู้ชายนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คุณผู้หญิงนั้น หน้าบอกบุญไม่รับมาก เล่นเอาผมงี้ ไม่อยากเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นเลย อยากจะออกมาเร็วๆ
ผ้าม่าน ศรีราชา
ยังดีที่แฟนผมเขาใจเย็นเอามากๆ ถ้าเป็นผมนี่ก็คงไม่ได้เถียงออกไปหรอก แต่คงตัดจบให้เร็วที่สุด และออกห่างจากคุณลูกค้าบ้านนี้อย่างไว ยังไงๆก็คงไม่กลับไปอีก
แต่แฟนผมเขาสามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
ซึ่งปกติ เขาออกจะเป็นคนขี้เหวี่ยงนิดๆเสียด้วยซ้ำ (ตอนหลังถามเขา เขาบอกว่า เหวี่ยงกับผมคนเดียว 5555)
ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากให้เป็นบทเรียนกับทุกๆธุรกิจนะครับ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการบริการด้วย
สำคัญมากๆ ที่เรายังไงก็คงเลี่ยงลูกค้าที่เรา "ไม่ชอบ" ไม่ได้
คงต้องเจอเข้าสักวัน ไม่มากก็น้อย
ทีนี้ ถ้าเจอแล้ว ก็ต้องปรับตัวปรับใจล่ะครับ จะมาเหวี่ยงวีนว่าฉันถูกเธอผิด ยังไงๆ ก็ไม่ได้ครับ
ลูกค้าต้องถูกเสมอ Customer Always Right
เพื่อที่เขาจะได้ไม่เอาร้านเราไปว่าลับหลังหรือบอกต่อให้คนอื่นรับรู้ไปว่า ร้านเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
ยิ่งสมัยนี้ Social Generation ด้วยแล้ว โพสลงเฟสบุ๊คทีเดียว กระหึ่มยิ่งกว่าประทัดวันตรุษแน่นอน
เพราะฉะนั้นแล้ว จะใช้สื่อ Social ให้เกิดประโยชน์หรือโทษต่อกิจการตัวเองได้แค่ไหน
บางที มันก็อยู่แค่เส้นบางๆตรงนั้น ที่หน้างาน ตรงที่ลูกค้ากำลังตะเบ็งเสียงใส่เรา
ซึ่งคำตอบสุดท้ายมันอยู่ที่การเริ่มต้นที่ว่า
เราจะตอบลูกค้าที่กำลัง "เหวี่ยง" ด้วยน้ำเสียงแบบไหน...?
ก็เป็นได้นะครับ
ร้านผ้าม่านศรีราชา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น